สภาวะค่าเงินเยนที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้การมาช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่นในช่วงนี้เป็นอะไรที่บอกได้เลยว่าคุ้มค่าสุด ๆ บทความนี้จะมาแนะนำจุดช้อปปิ้งสินค้าแฟชั่นในโอซาก้าที่เดินทางง่าย ๆ จากป้ายกูลิโกะ!

โอซาก้าเมืองที่จะมาเที่ยวกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ!

โอซาก้าเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่นและเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทย เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ได้อย่างหลากหลากครบคลุมคนทุกเพศทุกวัย มีปราสาทโอซาก้าสำหรับนักท่องเที่ยวสายวัฒนธรรม Universal Studios สำหรับสายเอนเตอร์เทน ร้านอาหารอร่อยที่ซ่อนอยู่ทุกตรอกซอกซอย และย่านช้อปปิ้งตั้งแต่ร้านในย่านการค้าไปจนถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ 

สภาวะค่าเงินเยนที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้การมาช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่นในช่วงนี้เป็นอะไรที่บอกได้เลยว่าคุ้มค่าสุด ๆ  บทความนี้จะมาแนะนำจุดช้อปปิ้งเสื้อผ้าในโอซาก้าโดยเริ่มสตาร์ทจากป้ายกูลิโกะ!

1. ย่านร้านค้าชินไซบาชิ-ซึจิ (Shinsaibashisuji Shotengai)

ด้านที่อยู่ฝั่งเดียวกับป้ายกูลิโกะจะเป็นฝั่งที่มีชื่อว่า เอบิสุบาชิ-ซึจิ (Ebisubashi-suji) ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นย่านที่ชื่อว่าชินไซบาชิ-ซึจิ (Shinsaibashi-suji) ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังที่มีร้านค้ากว่า 180 ร้าน เรียงรายไปด้วยร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านค้าทั่วไป ร้านเครื่องสำอางและร้านขายยาก็มีเลือกช้อปกันได้อย่างจุใจ 

WEGO

ร้านแรกที่จะแนะนำคือร้านเสื้อผ้า WEGO ตัวร้านตั้งอยู่บริเวณทางเข้าของย่านชินไซบาชิ เดินมาจากป้ายกูลิโกะเพียง 1 นาทีเท่านั้น!
WEGO เป็นร้านเสื้อผ้าที่มีเอกลักษณ์แต่ราคาย่อมเยา มีกลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มวัยรุ่นจนถึง 30 ต้น ๆ  WEGO เริ่มต้นมาจากย่านฮาราจุกุ โตเกียวซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดแฟชั่นสไตล์ญี่ปุ่น มุ่งมั่นในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เข้ากับยุคสมัยภายใต้สโลแกน "เรา (WE) ก้าวต่อไป (GO)" ปัจจุบันมีร้านค้าประมาณ 200 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น  
 
ร้าน WEGO สาขา Shinsaibashi เป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ชั้น 2 จนถึงชั้น 5 โดยชั้น 2 – 3 เป็นเสื้อผ้าผู้หญิง ชั้น 4 เป็นเสื้อผ้าผู้ชาย และชั้น 5 เป็นสินค้าแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า เครื่องประดับ และรองเท้าหลากสไตล์

LUSH

LUSH เป็นร้านจำหน่ายสกินแคร์และผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เช่น เกลือสำหรับอาบน้ำ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย ใบหน้า เส้นผม และน้ำหอม ตัวร้านตั้งอยู่ตรงข้ามกับ WEGO ที่แนะนำไปเมื่อสักครู่ 

ไม่เพียงแต่จะสามารถช้อปสินค้าได้ในราคาย่อมเยากว่าซื้อที่ไทยเท่านั้น แต่ยังมีสินค้าหลายตัวที่เป็นรุ่นลิมิเต็ดที่ขายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้นอีกด้วยนะ ยิ่งถ้าใช้ tax refund ด้วยก็บอกได้คำเดียวว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม  

เทียบราคาซื้อที่ญี่ปุ่นกับเกาหลี
เกาหลี: 17,000 วอน หรือประมาณ 460 บาท
ญี่ปุ่น: 890 เยน (ประมาณ 8,110 วอน หรือประมาณ 219 บาท)

เทียบราคาซื้อที่ญี่ปุ่นกับเกาหลี
เกาหลี: ​60,000 วอน หรือประมาณ 1,624 บาท
ญี่ปุ่น: 3,800 เยน (ประมาณ 34,600 วอนหรือประมาณ 936 บาท)

LUSH Shinsaibashi Branch
ที่ตั้ง:  〒542-0085 2-3-20 Shinsaibashisuji, Chuo-ku, Osaka City, Osaka Prefecture
เวลาเปิดให้บริการ: 11:00 – 21:00
Official website

2. ห้าง PARCO สาขา Shinsaibashi

PARCO สาขานี้เปิดให้บริการที่โอซาก้าเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2020 ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 เป็นสาขาเดียวในแถบคันไซ 

PARCO เป็นห้างสรรพสินค้าแฟชั่นที่มีสโลแกน คือ การค้นพบความสามารถของนักออกแบบและเผยแพร่เทรนด์ ที่จริงแล้ว PARCO เคยมาเปิดสาขาที่โอซาก้ามาก่อนแต่ปิดตัวไปก่อนจะกลับมาเปิดใหม่อีกครั้ง

การเข้าถึงก็สะดวกสบาย สามารถเดินทางไปจากสถานีรถไฟใต้ดิน Shinsaibashi ไปได้ง่าย ๆ มีร้านค้าประมาณ 170 ร้าน ตั้งแต่แบรนด์หรูไปจนถึงแบรนด์ลำลอง ตั้งอยู่ในพื้นที่ประมาณ 58,000 ตารางเมตร มอบประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร

ที่ PARCO สาขา Shinsaibashi มีหลายแบรนด์ที่ไม่พบในห้างสรรพสินค้าอื่น ๆ สินค้าก็มีช่วงราคาที่ค่อนข้างหลากหลายให้ได้เลือกซื้อ นอกจากนี้ยังมีร้านค้าที่น่าสนใจ เช่น ร้านเลโก้ ร้านเครยอนชินจัง และร้านสินค้าจากสตูดิโอจิบลิและโทโทโร่ เรียกได้ว่าเป็นห้างที่ไม่ควรพลาดหากมาเที่ยวที่โอซาก้า

PARCO Shinsaibashi
ที่ตั้ง:  〒542-0085 1-8-3 Shinsaibashisuji, Chuo-ku, Osaka City, Osaka Prefecture
เวลาเปิดให้บริการ: 10:00 – 20:00  
Official website (ภาษาไทย)

3. Orange Street

เดินเพียง 14 นาทีจากป้ายกูลิโกะ!

Orange Street เป็นย่านการค้าที่ได้ชื่อว่าเป็นย่านที่แสดงถึงแฟชั่นของโอซาก้าได้เป็นอย่างดี ในวันเสาร์ – อาทิตย์มักจะเนืองแน่นไปด้วยวัยรุ่นที่มาเดินเที่ยวและช้อปปิ้ง
ตลอดเส้นทางยาว 800 เมตรเรียงรายไปด้วยร้านรวงที่ตกแต่งอย่างสวยงาม มีร้านเสื้อผ้าเก๋ ๆ , ร้านคาเฟ่บรรยากาศชิค ๆ , ร้านขายแอคเซสเซอรี่และร้านจำหน่ายของตกแต่งบ้านที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร

แต่เดิมแล้วย่านการค้านี้มีชื่อว่า Tachibana Street (立花通り) ตั้งอยู่ในแถบมินามิโฮริเอะ (南堀江) โดยมีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยบาคุมัตสึในฐานะถนนร้านขายเฟอร์นิเจอร์ เมื่อเข้าสู่ช่วงสมัยเมจิย่านนี้ก็เฟื่องฟูในฐานะย่านขายเฟอร์นิเจอร์มือสองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วหลังสภาวะสงคราม ย่านนี้ก็เป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศญี่ปุ่นในฐานะ "เมืองแห่งเฟอร์นิเจอร์" ทำให้ถนนเส้นนี้เป็นจุดรวมตัวของทั้งร้านเฟอร์นิเจอร์ที่ดำเนินกิจการมาตั้งแต่ก่อนสงครามและร้านสมัยใหม่เช่น ร้านเสื้อผ้าสุดยูนีคและคาเฟ่สุดฮิป ที่เป็นที่นิยมของเหล่าวัยรุ่นและนักท่องเที่ยว 

ส่วนชื่อ Orange Street นั้นเป็นชื่อเล่นที่มีที่มาจากคำว่า Tachibana ซึ่งเป็นชื่อพันธุ์ของส้มนั่นเอง

BONUS – Yodobashi สาขา Umeda

ย่านอุเมดะเป็นย่านที่สามารถเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งในศูนย์การค้าขนาดใหญ่ได้อย่างจุใจ ที่นี้มีแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังชื่อว่า Yodobashi ซึ่งเป็นห้างที่มีชื่อเสียงในด้านร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ก็มีจำหน่ายสินค้าอื่น ๆ อย่างครบครัน

ที่ชั้นใต้ดิน 2 จนถึงชั้น 4 รวม 6 ชั้น จัดจำหน่ายกล้องถ่ายรูป อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ในบ้าน และของเล่นต่าง ๆ ชั้น 5 ถึง 7 เป็นร้านค้าต่าง ๆ เช่น เสื้อผ้าแฟชั่น ส่วนชั้น 8 เป็นที่ตั้งของร้านอาหาร

เพิ่มความคุ้มค่าในการช้อปที่ Yodobashi ได้ง่าย ๆ ถึง 2 วิธี
1.สมัครพอยต์การ์ดสำหรับสะสมคะแนน โดยจะได้รับแต้มสะสม 5 – 25% จากราคาสินค้าและสามารถใช้แทนเงินสดได้ในวันถัดไป 
2.ทำ tax refund 
แต่สามารถเลือกทำได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นนะคะ 

Yodobashi Camera Umeda (ヨドバシカメラ梅田)
Address:  〒530-0011 1-1 Ofuka-cho, Kita-ku, Osaka City, Osaka Prefecture
เวลาเปิดให้บริการ: 9:30 – 22:00
Official website

ติดตามเรื่องราว ข้อมูล และข่าวสารส่งตรงจากญี่ปุ่นกับ Japankuru ได้ทาง Twitter และ Facebook!