เดินทางจากโตเกียว เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อนกับ 7 สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนาซุ จ.โทจิกิ

Kanto Tour นาซุ 2021.02.22
กำลังมองหาที่เที่ยวหลบร้อนในภูมิภาคคันโตอยู่รึเปล่า? เราแนะนำเมืองนาซุเลย! เพราะแม้แต่ราชวงศ์ญี่ปุ่นยังเลือกที่จะมาพักผ่อนในฤดูร้อนกันที่นี่
จังหวัดโทจิกิเป็นเมืองแบบไหนกันนะ?
จังหวัดโทจิกิอยู่ทางตอนเหนือของโตเกียว สามารถนั่งรถไฟชินคันเซ็นไปได้ภายในเวลา 1-2 ชั่วโมง และยังเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคันโตอีกด้วย หากพูดถึงจังหวัดโทจิกิ อาจเป็นจังหวัดที่ไม่ค่อยคุ้นหูกันเท่าไรนักสำหรับชาวต่างชาติ แต่ที่ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังมากมาย เช่น ศาลเจ้านิกโก้ โทโชกุ ในนิกโก้ เกี๊ยวซ่าและคอกเทล ในอุสึโนมิยะ และราเมงในซาโนะ อย่างไรก็ตามคราวนี้เราไม่ได้พาเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวดังกล่าว แต่จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับช่วงฤดูร้อน!
Prologue: นั่งเรือเล็กและเดินชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในเมืองโทจิกิ
สถานที่แรกที่เราจะไปกันก็คือ เมืองโทจิกิ โดยสามารถล่องเรือผ่านอาคารบ้านเรือนเก่าในคุราโนะมาจิ (Kuranomachi) จะใช้เวลาในการล่องเรือประมาณ 20 นาที ในแม่น้ำอุซุมะ (Uzuma) เรือจะค่อยๆแล่นไปช้าๆ พร้อมกับการบรรยายเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นในบริเวณนี้ และร้องเพลงพื้นบ้านให้เราฟัง เมื่อย้อนกลับไปในปี 1617 เรือถูกใช้เป็นพาหนะในระหว่างการฝังร่างใหม่ของโทกุกาว่า อิเอยาสุ โดยมีจุดเด่นคือหลังคาโกดังที่มีกำแพงสีขาว ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวในช่วงเวลานั้น
AREA: เสน่ห์ของฤดูกาล ความงามของธรรมชาติในฤดูร้อน (นาซุ)
ในสมัยโบราณ ในบริเวณนาซุมีชื่อเรียกว่า นาซุคุนิ (Nasukuni) เป็นอาณาจักรที่ปกครองตนเอง ในปัจจุบันมีการแบ่งออกเป็น 4 เมือง (โอตาวาระ, นาซุชิโอะบาระ, นาซุคาราสุยามะ, นาคากาวะ) และเมืองนาซุ แบ่งออกเป็น 2 พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ คือ ที่ราบสูงนาซุ อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ และพื้นที่ทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ทางตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ยังมีภูเขาไฟทาคาฮาระยามะ ทำให้เป็นแหล่งออนเซ็นที่มีชื่อเสียง อีกทั้งตั้งอยู่บนที่ราบสูง จึงทำให้มีอากาศเย็นสบายในช่วงฤดูร้อน
SPOT 1: ออกไปสัมผัสกับธรรมชาติที่สวนโอนุมะ นาซุชิโอะบาระ
ทางเดินภายในสวนโอนุมะ ทำให้เรารู้สึกราวกับว่าเดินอยู่ในฉากของอนิเมชั่นจากค่ายสตูดิโอจิบลิ ความร้อนจากแสงแดดก็ไม่สามารถทำอะไรเราได เพราะที่นี่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า รวมทั้งวิวสีเขียวของต้นไม้แบบพาโนรามา ที่ไม่ว่าใครก็ต้องยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพความสวยงามแบบนี้ไว้
สวนโอนุมะมีชื่อเสียงในเรื่องของใบไม้เปลี่ยนสี หรือ โคโย (koyo) แต่ในฤดูร้อนก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน เพราะมีอากาศที่เย็นสบายและสัตว์ต่าง เช่น กบป่าสีเขียว และแมลงปอ scarlet dwarf ที่เป็นสายพันธุ์ที่เล็กที่สุดในโลก
สวนโอนุมะ (Onuma Park / Onuma-Enchi (大沼園地))
1333 Shiobara, Nasushiobara, Tochigi
แผนที่ (ภาษาญี่ปุ่น)
SPOT 2: น้ำสีฟ้าใสไม่เหมือนที่ไหน นาซุชิโอะบาระ ในหมู่บ้านคิโนะมาตะ
แม่น้ำคิโนะมาตะเป็นหนึ่งในแม่น้ำสายย่อย ไหลไปยังแม่น้ำนากะของโทจิกิ ที่ใสสะอาดและเล่นแสงจนมองเห็นเป็นสีฟ้าสดใส
มักจะมีเด็กๆเล่นน้ำบริเวณริมฝั่ง และคนมาว่ายน้ำเล่น รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่มาดูใบไม้เปลี่ยนสี ส่วนในฤดูใบไม้ผลิต้นไม้จะผลิใบเห็นเป็นสีเขียวเต็มพื้นที่ และเปลี่ยนเป็นสีแดงและเหลืองในฤดูใบไม้ร่วง นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่มีต้นหลิว พันธุ์โอบายานากิ หรือ Salix urbaniana

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริเวณริมแม่น้ำได้รับความนิยมมากขึ้นในการมาว่ายน้ำ จากการรีวิวบนอินเตอร์เน็ตและการบอกต่อ ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวในฤดูร้อนลองเตรียมชุดไปเปลี่ยน และแช่น้ำเย็นๆให้สบายใจไปเลย
แม่น้ำคิโนะมาตะ (Kinomata River / Kinomata Valley (木の俣川/木の俣渓谷))
Momura, Nasushiobara, Tochigi
SPOT 3: ตำนานจิ้งจอกเก้าหาง เซสโชเซกิ เมืองนาซุ
ตัวละครจากตำนานของญี่ปุ่นที่ได้ยินกันบ่อยๆก็คือ จิ้งจอกเก้าหาง (九尾の狐, คิวบิโนะคิสึเนะ) และในตอนที่กลายร่างก็เกิดขึ้นที่นาซุ ที่เรียกว่า Killing Stone (殺生石, เซชโชเซกิ) ซึ่งเป็นจุดชมวิวท่ามกลางหินจำนวนมาก ที่มีความสวยงาม รกร้าง เหมือนฉากในขุมนรกของญี่ปุ่น
ด้านหนึ่งของทางเดินมีการจัดวางกองหินกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ และอีกด้านหนึ่งคือ เซ็นบงจิโซะ รูปปั้นพระขนาดเล็กที่ดูน่ารักและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน

ที่นี่ยังอยู่ไม่ไกลจากยูโมโตะออนเซ็น ออนเซ็นยอดนิยมอีกด้วย
เมื่อไม่นานมานี้มีโครงการ 9B หรือ คิวบี ที่สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับ Killing Stone ผ่านแอปพลิเคชั่น AR COCOAR2 โดยการสแกน QR Code ที่ติดไว้รอบๆพื้นที่ ก็จะสามารถดูวิดีโอเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติและที่มาที่ไปของสถานที่นั้น พร้อมด้วยตัวการ์ตูนจิ้งจอกเก้าหางน่ารักๆ ซึ่งวาดโดย Akira Himekawa เจ้าของผลงานที่รู้จักกันดีอย่าง Zelda!
The Killing Stone / Sessho-seki (殺生石)
Yumoto, Nasu, Nasu, Tochigi
SPOT 4: ปั้นเครื่องปั้นดินเผาโคอิซาโกะยากิที่มีชิ้นเดียวในโลก ที่ Fujita Pottery นาคากาวะ
เครื่องปั้นดินเผาโคอิซาโกยากิ มีการใช้สีในโทนอุ่น ดูหรูหรา แต่งแต้มด้วยสีทองและสีแดง Fujita Pottery ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 170 ก่อน โดยเราสามารถเข้าเยี่ยมชมสตูดิโอ หรือจะเข้าร่วมเวิร์คชอปทำเครื่องปั้นดินเผาด้วยตัวเอง ทั้งการลงสี การปั้นด้วยมือ หรือการใช้แป้นหมุน แม้ไม่เคยทำมาก่อนก็ไม่ต้องกังวล เพราะมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ยังมีร้านขายของที่ระลึก ไม่ว่าจะเป็นจาน แก้วน้ำ หลายขนาด และยังมีกระดุม หุ่นแกะสลักน่ารักๆ ของจุกจิอื่นๆ เช่น ที่วางทับฝาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์เซรามิกขนาดย่อมเลย!
SPOT 5: อุคิโยเอะ ชิ้นมาสเตอร์พีซ ณ พิพิธภัณฑ์ Kengo Kuma-Designed Bato Hiroshige Museum of Art นาคากาวะ
หลังจากได้ชื่นชมงานฝีมือกันแล้ว จุดต่อไปของเราก็คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างของอาคารรอบๆจังหวัดโทจิกิ ที่ออกแบบโดย Kengo Kuma สถาปนิกชื่อดังชาวญี่ปุ่น เพียงแค่ด้านนอกของตัวอาคาร ก็ดูเงียบสงบ ทำให้นึกถึงภาพยูคิโยเอะ ของ Utagawa Hiroshige ด้านใน เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีพื้นที่กว้างขวาง มุงด้วยหลังคาจั่ว ซึ่งกลมกลืนกับธรรมชาติในบริเวณนาคากาวะ
การตกแต่งของพิพิธภัณฑ์มีการใช้วัสดีในท้องถิ่น เช่น ผนังที่ทำจากกระดาษวาชิ มาจากคาราสุยามะ และพื้นหินทำมาจากหินอาชิโนะ หลังจากได้ชื่นชมผลงานของ Utagawa Hiroshige และความสวยงามของตัวอาคารแล้ว เราแนะนำให้ลองสำรวจพื้นที่ใกล้เคียง ที่ให้ความรู้สึกย้อนยุคแบบเรโทรหน่อยๆ
Nakagawa-machi Bato Hiroshige Museum of Art (馬頭広重美術館)
116-9 Bato, Nakagawa, Nasu District, Tochigi
เวลาทำการ: 9:30 - 17:00
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ)
SPOT 6: สาเกเก่าในยุคสงคราม ที่ Shimazaki Brewery นาซุ คาราสุยามะ
ในช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการใช้คน 400 คน ในการขุดอุโมงค์เพื่อสร้างเป็นโรงงานผลิตรถถังด้านใน กว่าจะแล้วเสร็จกินเวลาไป 1 ปีครึ่ง ในปัจจุบันพื้นที่นี้ถูกใช้เป็นถ้ำสำหรับเก็บสาเกของ Shimazaki Brewery ในการบ่มเหล้าสาเก เนื่องจากภายในถ้ามีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 10 องศาเซลเซียส ตลอดปี จึงเหมาะแก่การบ่มเหล้า
ถ้ำสร้างขึ้นจากอุโมงค์หลัก 3 แห่ง แต่ละแห่งมีความกว้างและสูงประมาณ 3.5 เมตร และยาว 100 เมตร เชื่อมต่อกันด้วยอุโมงค์ขนาดยาว 60 เมตร อีก 5 แห่ง เพราะฉะนั้นอุโมงค์จึงมีความยาวรวมประมาณ 600 เมตร การดื่มสาเกนิยมดื่มสาเกที่สดใหม่ ภายในหนึ่งปี แต่ถ้าหากบ่มในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมก็จะมีรสชาติที่กลมกล่อมและมีกลิ่นหอม

หากคุณกำลังมองหาของขวัญหรือของฝาก โรงกลั่นสาเกมีสาเกแห่งนี้มีสาเกที่ไม่เหมือนใคร ขวดที่เริ่มผลิตในช่วงปีใหม่จะบ่มจนถึงเดือนธันวาคม พอดีกับการนำไปฉลองในวันปีใหม่ นอกจากนี้ยังสามารถซื้อขวดและทำสัญญา 5 -20 ปี สาเกก็จะถูกบ่มอยู่ในถ้ำ จนถึงเวลาที่ต้องส่ง ซึ่งอาจจะเป็นการฉลองในวันพิเศษของคุณก็ได้!
Shimazaki Brewery's Sake Storehouse Cave (島崎酒造 どうくつ酒蔵)
1-11-18 Central, Nasukarasuyama, Tochigi
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ)
SPOT 7: รถไฟ ตำนานงูใหญ่ จุดชมซากุระ ณ น้ำตกริวมอน นาซุคารายามะ
น้ำตกแห่งนี้มีความกว้าง 65 เมตร ความสูงของน้ำไหล 20 เมตร และยังเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำเอกาวะ ก่อนที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำนากะ ในโทจิกิ ชื่อภาษาญี่ปุ่นของน้ำตกแปลว่า น้ำตกประตูมังกร ซึ่งมาจากตำนานของงูยักษ์​ที่อาศัยอยู่ที่น้ำตก โดยสามารถนั่งพักผ่อนชมน้ำตกใกล้ๆได้
ต้นซากุระในบริเวณนี้เป็นนจุดที่คนนิยมมาชมกันในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ส่วนรถไฟนั้นจะวิ่งผ่านด้านหลังของน้ำตกตลอดทั้งปี ผู้ที่ชื่นชอบรถไฟไม่ควรพลาดจุดนี้ ด้านบนสุดของทางเดินที่เป็นเส้นทางในการเดินไปยังน้ำตก คือ ศูนย์ศิลปะพื้นบ้านริวมอน มีมุมที่เกี่ยวข้องกับตำนานคาราสุยามะ และยังเป็นจุดชมวิวอีกด้วย
น้ำตกริวมอน (Ryumon Falls (龍門の滝))
414 Taki, Nasukarasuyama, Tochigi
Epilogue:จุดแวะขากลับ "มิจิโนะเอกิมาชิโกะ" มาชิโกะ
ขากลับจากการขับรถเที่ยวในโทจิกิ อย่าลืมแวะที่ มิจิโนะเอกิ มาชิโกะ (Michi-no-Eki Mashiko) ที่มีลักษณะคล้ายกับจุดพักรถ แต่ดีกว่า เป็นอาคารที่ด้านหลังมีสนามหญ้าสีเขียวและทุ่งหญ้าสีทอง เหมาะกับการแวะพัก แวะกิน แวะช้อปสินค้าท้องถิ่น สินค้าแฮนด์เมด ของที่ระลึก และขนมที่หาซื้อได้เฉพาะที่นี่ 
แล้วเจอกันนะ โทจิกิ!
รู้สึกอยาเตรียมเก็บกระเป๋าแล้วออกเที่ยวแล้วรึยัง? Japankuru ได้เขียนบทความเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดโทจิกิไว้หลายเรื่อง สามารถอ่านได้จากลิสต์ด้านล่าง อย่างไรก็ตามในบทความนี้เราเน้นไปในเขตนาซุ และกิจกรรมที่สามารถทำได้ในช่วงฤดูร้อน สำหรับครั้งหน้า เราจะมาเล่าถึงการท่องเที่ยวในฤดูใบ้ไม้ร่วงและใบไม้เปลี่ยนสีในโทจิกิ 

https://www.japankuru.com/ta/culture/e1475.html
https://www.japankuru.com/ta/tour/e1574.html
https://www.japankuru.com/ta/tour/e1575.html
https://www.japankuru.com/ta/tour/e1723.html
https://www.japankuru.com/ta/tour/e1729.html

และอย่าลืมติดตามเรื่องราวการอัปเดตจากญี่ปุ่นกับ Japankuru ผ่าน Facebook และ Twitter!
Comment
POST
Related Article
ถาม-ตอบ
  • PARTNERS