เที่ยวโทจิกิฤดูหนาว กินสตรอเบอร์รี่หวานๆ สัมผัสอากาศเย็น กับ 4 เมืองในจ.โทจิกิ

Kanto Tour โทจิกิ 2021.02.24
เพียงไม่ไกลจากโตเกียวก็สามารถท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ ชมศิลปะหัตถกรรม งานฝีมือ ชิมสตรอเบอร์รี่ และสูดอากาศบริสุทธิ์ของชนบทญี่ปุ่น
เที่ยวโทจิกิ และความสดใหม่ในฤดูหนาว
โทจิกิจะทำให้การท่องเที่ยวในฤดูหนาวของคุณไม่เหมือนที่ไหน เพราะที่นี่จะเป็นเมืองเล็กๆ ผู้คนเป็นมิตร และยังอยู่ไม่ไกลจากศูนย์กลางอย่างโตเกียว ทริปฤดูหนาวนี้เราจะพาเที่ยว 4 เมืองในโทจิกิ ที่มีทั้งธรรมชาติ การเก็บผลไม้ และเวิคชอปงานฝีมือ
1. โอยามะ (小山市, Oyama)

บ่อเก็บน้ำวาตาราเสะ (渡良瀬遊水地, Watarase Reservoir)

พื้นที่เก็บน้ำวาตาราเสะ (อ่างเก็บน้ำวาตาราเสะ) (Watarase Reservoir หรือ Watarase Retarding Basin) ได้ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำแรมซาร์ (Ramsar) โดยมีขนาดมากกว่า 350 ล้านตารางฟุต พื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมไปด้วยต้นอ้อที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองหลังฤดูร้อนสิ้นสุดลง กว่าศตวรรษที่ผ่านมา บริเวณนี้มีหนองน้ำและพื้นที่ชุ่มน้ำ เช่น Akaso Marsh มีชาวบ้านได้สร้างหมู่บ้านและทำไร่ทำสวนในพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนในปัจจุบันนั้นมีจุดประสงค์เพื่อการสะสมน้ำหลาก ป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่โตเกียว และยังเป็นขุมทรัพย์ทางธรรมชาติอีกด้วย ทั้งปลา นก หลายสิบชนิดมาสร้างบ้านในน้ำและบนบก นกอพยพย้ายถิ่นฐาน และพืชพันธุ์กว่า 1,000 ชนิด
เมื่อมาถึงที่พื้นที่เก็บน้ำวาตาราเสะสิ่งที่สะดุดตามากที่สุดคือ ต้นอ้ออันสูงลิ่ว หรือเรียกว่า โยชิ (よし) ในภาษาญี่ปุ่น ทำให้รู้สึกเหมือนฉากในอนิเมะหรือหลุดไปอีกโลกหนึ่ง เมื่อถึงช่วงที่อากาศอบอุ่น ต้นอ้อจะทำให้รู้สึกเย็นสบาย จึงนิยมนำมาทำเป็นฉากกั้น (ว่ากันว่าต้นอ้อของวาตาราเสะนั้นมีคุณภาพดีที่สุด) 
สำหรับคนรักนกไม่ควรพลาดที่นี่ เพราะนกกระสา (Oriental stork) จะมาสร้างรังที่นี่ทุกปี และในช่วงปลายฤดูร้อนจะเห็นนกนางแอ่นกว่า 1 แสนตัวบินอยู่เหนือวาตาราเสะ ด้วยความที่มีนกหลากหลายสายพันธุ์อาศัยอยู่และย้ายถิ่นฐาน ทำให้ที่นี่เป็นที่นิยมของนักดูนก ในการดูนกล่าเหยื่อในบึงทางตะวันออก ที่อพยพมาจากรัสเซีย

นอกจากเสน่ห์ของธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์แล้ว ที่วาตาราเสะยังเป็นสถานที่จัดงานเทศกาล เช่น การแข่งพายเรือแคนู เป็นต้น (ตรวจสอบวันเวลาจัดกิจกรรมได้ทางเว็บไซต์)

Watarase Reservoir (渡良瀬遊水地)
Shimonamai, Oyama, Tochigi
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
2. ซากุระ (さくら市, Sakura)

มิจิโนะเอกิ คิสึเรกาวะ (Michi-no-Eki Kitsuregawa (道の駅きつれがわ))

ในญี่ปุ่น มิจิโนะเอกิ เป็นสถานที่พักผ่อน ที่มีอาหารท้องถิ่น ตั้งอยู่ตามทางหลวงของญี่ปุ่น แต่ที่มิจิโนะเอกิ คิสึเรกาวะ มีมากกว่านั้น! เพราะมีทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก ออนเซ็น และการตกแต่งของตัวอาคารสไตล์เรโทร ย้อนไปในยุคไทโชของญี่ปุ่น (ปีค.ศ. 1912 - 1926) ออนเซ็นคิสึเรกาวะ (Kitsuregawa Onsen (喜連川温泉)) ตั้งอยู่ในมิจิโนะเอกิ และเป็นหนึ่งในสาม บิฮาดะโนะยู (美肌の湯) หรือออนเซ็นที่จะทำให้ผิวสวยที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น 
ที่มิจิโนะเอกิ คิสึเรกาวะ สามารถเลือกได้ว่าจะแช่น้ำร้อนเฉพาะที่เท้า หรือจะแช่ทั้งตัว ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการนั่งรถนานๆ 
สำหรับการช้อปปิ้ง ที่มิจิโนะเอกิ คิสึเรกาวะ มีของฝากหลายชนิด ทั้งตุ๊กตามาสคอตท้องถิ่น และอาหารสดที่ผลิตโดยชาวบ้านในพื้นที่ มีป้ายอธิบายถึงที่มาของผลผลิตเช่น มะเขือออนเซ็น ซึ่งปลูกโดยใช้น้ำจากออนเซ็นเป็นเจ้าแรก ทำให้มะเขือมีรสหวานอร่อย ขนมปังออนเซ็น หรือออนเซ็นปัง (แต่ไม่ได้ใช้น้ำจากออนเซ็น) แอปเปิ้ลลูกเล็กพันธุ์แอลป์โอโตเมะ (Alps Otome) และของท้องถิ่นขึ้นชื่ออีกมากมาย

Michi-no-Eki Kitsuregawa (道の駅 きつれがわ)
4145-10 Kitsuregawa, Sakura, Tochigi
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
3. มาชิโกะ (Mashiko (益子市))

ชมรมศิลปะเซรามิกมาชิโกะ (Mashiko Ceramic Art Club (益子陶芸倶楽部))

เมืองมาชิโกะ มีชื่อเสียงเรื่องเครื่องปั้นดินเผา มาชิโกะยากิ (益子焼) และยังมีชาวบ้านที่ทำอาชีพเป็นช่างปั้นหม้อและเซรามิกอยู่เป็นจำนวนมาก ชมรมศิลปะเซรามิกมาชิโกะ ที่มีสตูดิโอเซรามิกและเกสท์เฮาส์แบบโคมินกะ ซึ่งเราสามารถที่จะเข้าร่วมเวิคชอปสั้นๆ 1-2 ชั่วโมง หรือจะนอนที่เกสท์เฮาส์ยาว 1 สัปดาห์ เพื่อฝึกฝีมือการปั้นมาชิโกะยากิของตัวเองก็ได้ ที่นี่ดำเนินการโดยครอบครัวชาวญี่ปุ่น ที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ และมีครูชาวฮังกาเรียนอีกด้วย การสื่อสารจึงไม่ใช่อุปสรรคของการเวิคชอปที่นี่!
หลังจากใช้เวลาทั้งวันกับแป้นหมุนปั้นเซรามิก การได้นอนพักในห้องพักแบบบ้านโคมินกะ บ้านสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม บนเสื่อทาทามิและระเบียงไม้ ที่เหมือนอยู่ในฉากของอนิเมะหรือภาพยนตร์ญี่ปุ่น ก็ช่วยคลายความเหนื่อยล้าไปได้ 

Mashiko Ceramic Art Club & Kominka Furuki (益子陶芸倶楽部 古民家古木)
3288-6 Mashiko, Haga District, Tochigi
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
4. โมกะ (Moka (真岡市))

Moka Momen Cotton Hall (真岡木綿会館)

"โมกะ" คือผ้าฝ้ายแบบดั้งเดิมในโทจิกิที่มีคุณภาพสูง มีเส้นใยที่แข็งแรง แต่เรียบเนียนราวกับผ้าไหม โดยช่างฝีมือจะใช้เทคนิคการฟอกสีซาราชิแบบดั้งเดิม (晒し) เพื่อให้ได้สีที่โดดเด่น มีการบันทึกไว้ว่าในอดีตการซื้อขายผ้าฝ้ายในญี่ปุ่นประมาณ 80% นั้นเป็นผ้าฝ้ายโมกะ
ปัจจุบันมีช่างทอผ้าผู้เชี่ยวชาญสิบสามคน ที่ยังคงสืบสานประเพณีผ้าฝ้ายโมกะในท้องถิ่นให้คงอยู่และยังคงถ่ายทอดต่อไปที่ Moka Momen Cotton Hall ซึ่งผู้เข้าชมไม่เพียงได้เห็นช่างฝีมือในที่ทำงานเท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมในเวิร์คช็อปด้วย! คุณเคยคิดอยากลองทอผ้าเองดูรึเปล่า? วิธีการย้อมผ้าพันคอหรือแม้กระทั่งปั่นเส้นด้ายฝ้ายโมกะด้วยตัวคุณเอง? สามารถทำได้โดยการโทรจองล่วงหน้า

✴เวิร์คช็อปทอผ้า: 700 เยน
✴เวิร์กชอปการย้อมผ้า: ผ้าเช็ดหน้า 500 เยน / ผ้าพันคอ 1,000 เยน
✴เวิร์คช็อปการปั่นด้ายจะจัดขึ้นตามคำขอ
  • บริเวณร้านค้าชั้นล่าง มีชั้นวางของผ้าฝ้ายหลากสีที่ทำจากผ้าฝ้ายท้องถิ่น เป็นของฝากที่เหมาะสำหรับเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัว 

    Moka Momen Cotton Hall (真岡木綿会館)
    2162-1 Aramachi, Moka, Tochigi
    เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)

ฟาร์มสตรอเบอร์รี่อิกาชิระ คังโค (Igashira Kanko Strawberry Farm (井頭観光いちご園))

ในโทจิงิเมื่อพูดคำว่า "สด" จะต้องนึกถึงสตรอเบอร์รี่สด เพราะที่เมืองโมกะผลิตสตรอเบอร์รี่ได้มากกว่าเมืองอื่น ๆ ในญี่ปุ่น ที่นี่พวกเขาปลูกสตรอเบอร์รี่พันธ์ุ "โทจิโอโตเมะ" (とちおとめ) ซึ่งเป็นพันธุ์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดโทจิกิ มีลักษณะผลสีแดงสด ขนาดใหญ่ และรสชาติหอมหวาน โดยสามารถเด็ดกินได้จากต้นแบบสดๆเลย และไม่ต้องจองล่วงหน้าด้วย เพียงแค่ไปในช่วงฤดูสตรอเบอร์รี่เท่านั้น
สำหรับการเก็บสตรอเบอร์รี่ราคาอยู่ที่ 1,500 เยน ซึ่งไม่แพงเลย สำหรับการการกินสตรอเบอร์รี่ได้แบบไม่อั้น และไม่จำกัดเวลา คนรักสตรอเบอร์รี่ห้ามพลาด!

นอกจากนี้ยังมีการเก็บสตรอเบอร์รี่แบบอื่นๆ เช่น การเก็บสตรอเบอร์รี่ออนไลน์ หรือการเก็บสตรอเบอร์รี่ตอนกลางคืน รับประทานคู่กับเครื่องดื่มร้อนๆ และช็อคโกแลตฟองดูว


Igashira Kanko Strawberry Farm
3006 Kamiodawa, Moka, Tochigi
ฤดูกาลเก็บสตรอเบอร์รี่: 2 มกราคม - 9 พฤษภาคม
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
ธรรมชาติ ประสบการณ์ และสตรอเบอร์รี่สีแดง คือความสดใหม่ของโทจิกิ!
ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน ก็สามารถเลือกการเดินทางที่เหมาะกับคุณได้ เพราะโทจิกิตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์กลางการคมนาคมของโตเกียว มีทั้งดอกไม้อันสวยงามในฤดูใบไม้ผลิ ลมเย็นๆในฤดูร้อน ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และธรรมชาติที่สดใหม่ของฤดูหนาว แต่ละฤดูก็มีวิธีการศึกษาประวัติศาสตร์ เรียนรู้ประเพณีของญี่ปุ่นที่แตกต่างกัน สัมผัสกลิ่นอายของภูมิภาคคันโต ค้นหาประสบการณ์ใหม่จากท้องถิ่น เช่น การฟังเสียงเงียบของป่าไผ่ ชมไฟประดับกว่าล้านดวงที่ส่องประกาย หากคุณกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางได้ไม่ไกลจากโตเกียว หรืออยากเดินทางไปในที่ใหม่ๆ ก็ต้องเป็นที่โทจิกิ! 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ข้อมูลอัปเดตจากญี่ปุ่น และบทความใหม่ของ Japankuru สามารถติดตามได้ทาง twitter และ facebook!
Comment
POST
Related Article
ถาม-ตอบ
  • PARTNERS