แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในโอคายามะและคากาวะ - ตำนานโมโมทาโร่และอุระชิม่าทาโร่ กิจกรรมเวิร์คชอปและวิวสุดอลังการ

Shikoku / chugoku Tour เซโตอุจิ 2021.03.29
โอคายาม่า ตั้งอยู่บนเกาะฮอนชู ส่วนคากาวะนั้นตั้งอยู่บนเกาะชิโกกุ โดยมีทะเลเซโตในอยู่ระหว่างกลาง และมีสะพานเซโตโอฮาชิเป็นสะพานเชื่อมต่อทั้งสองจังหวัดเข้าด้วยกัน เป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องเส้นอุด้ง งานฝีมือ งานเวิร์คช็อป และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
โอคายามะ - อาณาจักรผลไม้ และบ้านเกิดของโมโมทาโร่
รูปปั้นโมโมทาโร่ ณ สถานีรถไฟ JR Okayama (เอื้อเฟื้อรูปภาพโดย Okayama Visit Association)
โอคายามะมีชื่อเล่นว่า "อาณาจักรผลไม้" เนื่องจากสามารถปลูกผลไม้ได้มาก แต่ใช่ว่าจะมีแต่เพียงแค่ผลไม้อย่างเดียว เพราะที่นี่ยังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และตำนานให้เราได้ศึกษาอีกด้วย ซึ่งหนึ่งในนิทานโบราณญี่ปุ่นนั้นก็คือ "โมโมทาโร่" เด็กที่เกิดจากลูกท้อยักษ์ และโตขึ้นเป็นนักรบ นิทานเรื่องนี้เป็นนิทานที่โด่งดังไปทั่วญี่ปุ่น และกลายเป็นนิทานที่กลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ซึ่งในเรื่องได้ระบุว่าโมโมทาโร่นั้นอาศัยอยู่ในจังหวัดโอคายามะ และได้กลายเป็นฮีโร่ประจำจังหวัด มีรูปปั้นอยู่หน้าสถานี Okayama พร้อมด้วยสุนัข ลิง และไก่ฟ้า ที่โมโมทาโร่ได้แบ่ง "คิบิดังโงะ" ให้กินระหว่างทางไปสู้กับยักษ์

ศาลเจ้าคิบุสึ

ศาลเจ้าคิบิสึ
รากของนิทานเรื่องโมโมทาโร่มีที่มาจาก เจ้าชายคิบิสึฮิโกะ โนะ มิโกโตะ โดยเรื่องราวนั้นเต็มไปด้วยตำนาน ที่ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่ศาลเจ้าคิบิสึ มีการกล่าวกันว่าเจ้าชายองค์นี้ได้สังหารอสูรอุระ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่มีความคล้ายคลึงกับนิทานเรื่องโมโมทาโร่เป็นอย่างมาก แต่ศาลเจ้าคิบิสึนั้นมีชื่อเสียงมากกว่าเทพเจ้า มีห้องโถงใหญ่ที่เป็นสมบัติประจำชาติ สร้างขึ้นเมื่อ 500 ปีก่อน เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ แบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน!

ศาลเจ้าคิบิสึ (Kibitsu Shrine, 吉備津神社)
931 Kibitsu, Kita Ward, Okayama
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)

ศาลเจ้าคิบิสึฮิโกะ (Kibitsuhiko Shrine)

ศาลเจ้าคิบิสึฮิโกะ (เอื้อเฟื้อภาพโดย Okayama Visit Association)
ใกล้ๆกันกับศาลเจ้าคิบิสึเพียง 25 นาที มีอีกหนึ่งศาลเจ้านั่นก็คือ ศาลเจ้าคิบิสึฮิโกะ ที่มีความน่ารัก มีขนาดเล็กกว่า มีสถาปัตยกรรมที่ต่างกับศาลเจ้าคิบิสึ แต่มีความเกี่ยวข้องกับโมโมทาโร่ มีสัญลักษณ์เป็นรูปลูกท้อแทบทุกอย่าง ตั้งแต่เครื่องราง จนไปถึง เอมะ แผ่นป้ายเขียนขอพร

ศาลเจ้าคิบิสึฮิโกะ (Kibitsuhiko Shrine, 吉備津彦神社)
1043 Ichinomiya, Kita Ward, Okayama
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)

พาร์เฟ่ต์ผลไม้ ณ อาณาจักรแห่งผลไม้

พาร์เฟ่ต์พีช (เอื้อเฟื้อรูปภาพโดย Okayama Visit Association)
ได้ยินเรื่องของโมโมทาโร่ หรือเด็กชายลูกท้อมาสักพัก รู้สึกอยากทานผลไม้ขึ้นมาบ้างแล้วหรือยัง อย่างที่ได้พูดถึงในตอนแรกว่าโอคายามะเป็นเมืองแห่งผลไม้ สามารถปลูกผลไม้ได้ตลอดทั้งปี รวมถึงลูกท้อ (ลูกพีช) ที่มีมากในช่วงปลายฤดูร้อน และหนึ่งในวิธีการรับประทานผลไม้ให้อร่อยนอกจากจะรับประทานกันแบบสดๆแล้ว พาร์เฟ่ต์ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด ในถ้วยพาร์เฟ่ต์จะประกอบไปด้วย ผลไม้สด เค้ก ไอศครีม และอื่นๆตามแต่ร้านจะรังสรรค์ใส่เข้าไป เป็นเมนูที่คนญี่ปุ่นนิยมรับประทาน และถ่ายรูปลงโซเชียลเน็ตเวิร์ค (อินสตาบาเอะ) อีกด้วย จังหวัดโอกายามะมีการรวบรวมร้านพาร์เฟ่ต์น่าไปไว้ในลิสต์นี้
คากาวะ - ไม่ได้มีแค่อุด้ง แต่ยังมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม อุราชิมะ ทาโร่ และเรื่องสนุกๆอีกเพียบ
ในประเทศญี่ปุ่น เมื่อพูดถึง "คากาวะ" ภาพที่ทุกคนจะนึกถึงก็คือ ซานุคิอุด้ง เมนูอุด้งชื่อดังของจังหวัด แต่นอกเหนือจากอุด้งแล้ว คากาวะยังมีสถานที่ท่องเที่ยว รวมทั้งเสน่ห์อย่างอื่นอีกมากมายรอให้ทุกคนไปเที่ยวอยู่

วิวทิวทัศน์ที่สวยราวกับภาพวาดและจุดถ่ายรูปที่พลาดไม่ได้ในคากาวะ!

สวนมะกอก (เอื้อเฟื้อภาพโดยจังหวัดคากาวะ)
สวนมะกอกโชโดชิมะ (Shodoshima Olive Park, 小豆島オリーブ公園)

ที่นี่ไม่ใช่ทะเลเมดิเตอเรเนียน แต่ที่นี่คือคากาวะ ซึ่งมีต้นมะกอกประมาณ 2,000 ต้น ปลูกอยู่กลางประเทศญี่ปุ่น สีฟ้าของน้ำทะเล ตัดกับสีเขียวของต้นมะกอก เป็นภาพที่ดูสบายตาและสบายใจ แต่ถ้าหากดูด้วยตาแล้วยังรู้สึกว่ายังไม่พอ ก็สามารถลองชิมไอศครีมซอฟเสริฟ รสมะกอก หรือซื้อของฝากที่ทำจากมะกอกติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วยก็ได้นะ!
หาดจิจิบุกาฮามะ (เอื้อเฟื้อภาพโดย Mitoyo Tourism)
หาดจิจิบุกาฮามะ (Chichibugahama Beach, 父母ヶ浜)

หาดคากาวะมีชื่อเสียงเนื่องจากเป็นจุดสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้ และยังมีความคล้ายกับ Salar de Uyuni ในประเทศโบลิเวีย น้ำทะเลสะท้อนให้เห็นท้องฟ้า ก้อนเมฆ และพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน ราวกับเป็นกระจกเงา นอกจากนี้ที่นี่ยังได้รับเลือกให้เป็น 100 จุดชมพระอาทิตย์ตกดินของญี่ปุ่นอีกด้วย
Mount Iino (เอื้อเฟื้อภาพโดย Marugame City Tourist Association)
Double Diamond Sanuki Fuji (ダブルダイヤモンド讃岐富士)

เปลี่ยนจากดูพระอาทิตย์ตก ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันบ้าง เป็นเหตุการณ์ที่ในหนึ่งปีจะเกิดขึ้นเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ที่พระอาทิตย์จะขึ้นตรงยอดเขา ซานุคิฟูจิ (Sanuki Fuji) (หรือ ภูเขาอิโนะ, Mount Iino) แสงของพระอาทิตย์จะส่องกระทบกับพื้นน้ำด้านล่าง ที่เรียกว่า "Double Diamond Sanuki Fuji" ซึ่งสามารถชมได้ในช่วงกลางเดือนเมษายนและปลายเดือนสิงหาคมของทุกปี ตำแหน่งของดวงอาทิตย์ ภูเขาและน้ำที่ไม่เหมือนใครเหล่านี้ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว ช่างภาพ และคนรักธรรมชาติ
ปราสาทมารุกาเมะ (เอื้อเฟื้อภาพโดย Marugame City Tourist Association)
ปราสาทมารุกาเมะ (Marugame Castle, 丸亀城)

ปราสาทมารุกาเมะ เป็นปราสาทที่มีกำแพงหินอันโด่งดัง เป็นหนึ่งในหอคอยปราสาท 12 แห่งที่ยังคงมีอยู่ในเมืองคากาวะ ปราสาทมารุกาเมะได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 ปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่นเนื่องจากกำแพงหินที่มีความสวยงาม และได้ใช้เทคโนโลยีการสร้างที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น และยังมีปราสาทหอคอยขนาดจิ๋ว ที่น่ารักและเล็กที่สุดในบรรดาปราสาท 12 แห่งในมารุกาเมะ
โอเทชิมะ (เอื้อเฟื้อภาพโดย Marugame City Tourist Association)
ดอกท้อเก็นเปย์ (小手島源平桃)

ดอกท้อมี 2 สี บานอยู่บนต้นเดียวกัน ชื่อของดอกท้อเก็นเปย์นั้นตั้งขึ้นหลังจากสงครามเก็นเปย์ ในช่วงศตวรรษที่ 12 ช่วงที่ตระกูลเก็นจิ (ขาว) และตระกูลเฮย์เคะ (แดง) มีการต่อสู้กัน คล้ายกับสีขาวและแดงของต้นดอกท้อ ชาวเมืองโอเทชิมะได้ทำการเพาะปลูกต้นไม้อย่างช้าๆ และปลูกเพิ่มเข้าไปในป่า เมื่อเวลาผ่านไป จุดที่มีดอกท้อก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวของดอกไม้สีแดงและสีขาว ตามแต่ละสภาพอากาศในแต่ละปี ดังนั้นทุก ๆ เดือนมีนาคมและเมษายน ก็จะได้เห็นดอกท้อสลับสีสวยงาม
สวนริสึริน
สวนริสึริน (Ritsurin Garden, 栗林公園)

สวนแบบดั้งเดิมแห่งนี้ มีขนาดใหญ่เป็น 3.5 เท่าของสนามเบสบอลโตเกียวโดม เป็นสวนที่ใหญ่ที่สุด ที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น เดิมทีสวนแห่งนี้เป็นสวนขนาดเล็กของตระกูลที่มีอำนาจในพื้นที่นี้ และในที่สุดบริเวณนั้นก็กลายเป็นบ้านหลังที่สองของผู้ปกครองตระกูลมัตสึไดระ แห่งดินแดนทาคามัตสึ ซึ่งประวัติศาสตร์ของสวนริสึรินนั้นเป็นสวนอันโอ่อ่ามานานตลอด 400 ปีที่ผ่านมา บ้างเรียกริสึรินว่าเป็นหนึ่งในสามสวนที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น ควบคู่ไปกับเค็นโรคุเอ็น ในคานาซาว่า และโคระคุเอ็น ในโอคายาม่า และมีการคงรักษาไว้ซึ่งความสวยงาม จนได้รับดาวมิชลิน 3 ดาว ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คุ้มค่าแก่การเดินทางไป
แองเจิ้ลโรด Angel Road (エンジェルロード)

เนินรายแห่งนี้จะโผล่ขึ้นมาจากน้ำ 2 ครั้งต่อวัน ในช่วงเวลาน้ำลง กลายเป็นทางเดินเชื่อมระหว่างเกาะโชโดชิมะและเบนเทนจิมะ ปรากฏการณืน้ำขึ้นน้ำลงที่มีเพียงแค่ 2 ครั้งต่อวัน กลยเป็นสถานที่สุดโรแมนติก ที่ได้รับความนิยมจากคู่รัก เนื่องจากมีการกล่าวกันว่า หากเดินจูงมือข้ามเนินทรายนี้กันไป จะทำให้ชีวิตรักมีความสุข
คาบสมุทรโชไน (เอื้อเฟื้อรูปภาพโดยจังหวัดคากาวะ)
คาบสมุทรโชไน (荘内半島)

นิทานญี่ปุ่น "อุราชิมะทาโร่" เป็นเรื่องราวของการช่วยชีวิตเต่า และนำตัวไปปล่อยลงทะเล เพื่อขอบคุณสำหรับการกระทำของเขา และนำตัวไปที่วังใต้ทะเลของราชามังกรและรับไปเลี้ยงกับเจ้าหญิง ขณะที่อุราชิมะทาโร่ตั้งเป้าที่จะกลับบ้าน เขาก็ได้รับสิ่งลึกลับ และบอกว่าเขาไม่ควรเปิดมัน แต่เมื่อเขามาถึงบ้านเกิดของเขา อุราชิมะทาโร่พบว่าในขณะที่เขาใช้เวลาเพียงไม่นานที่วังราชามังกร แต่บนบกนั้นเวลาผ่านไปหลายปี เขารู้สึกสิ้นหวัง และได้เปิดกล่องที่ได้รับมา มีควันออกมาเต็มไปหมด และเขาก็กลายเป็นชายชราผมขาว 

สถานที่หลายแห่งทั่วญี่ปุ่นพยายามอ้างสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของอุราชิมะทาโร่ โดยใช้นิทานพื้นบ้านที่ตกทอดมาตามยุคสมัยหรือ "สัญลักษณ์" ของการปรากฏตัวของเขา มีตำนานที่เนื้อหาคล้ายกันกับอุราชิมะทาโร่มากมายที่ใช้ชื่อแตกต่างกันไป แต่คาบสมุทรโชไน จังหวัดคะกาวะ ทางตะวันตกของทาคุมะมิ โตโยะเคยเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "อุราชิมะ" และตำนานมากมายเกี่ยวกับอุราชิมะทาโร่ยังคงสืบทอดต่อกันมา เมื่อโชกุนอาชิคางะโยชิมิสึในศตวรรษที่ 14 ไปเยี่ยมชมศาลเจ้ามิซากิแห่งอุราชิมะ บทกวีของเขาบอกเป็นนัยว่าภูมิภาคนี้เป็นที่ตั้งของนิทานโบราณ ดังนั้นจุดต่างๆทั่วคาบสมุทรโชไนจึงยังคงมีความเชื่อมโยงกับตัวละครในตำนานดังกล่าว
ภูเขาชิอุเดะยามะ (Shiudeyama) เอื้อเฟื้อภาพโดยจังหวัดคากาวะ
มีตำนานเล่าขานกันมาว่า ในพื้นที่ทาคุมะที่มีเมฆลอยอยู่รอบ ๆ ภูเขาชิอุเดยามะ (Shiudeyama) (หรือภูเขาชิอุเดะ Shiude) นั้น มีความคล้ายกับควันที่ออกมาจากกล่องของอุราชิมะทาโร่ ตอนที่เขาเปิดมันออก ซึ่งหากได้ปีนขึ้นไปบนเส้นทางที่มีต้นไม้เรียงรายไปยังยอดเขา จะได้พบกับทิวทัศน์อันน่าทึ่งของเกาะเล็ก ๆ ที่มีน้ำไหลหลาก ว่ากันว่าเป็นจุดชมวิวทะเลในเซโตที่ดีที่สุดในคากาวะ 

ภูเขาแห่งนี้ได้กลายเป็นหนึ่งใน 15 จุดชมซากุระที่ไม่ควรพลาดชมที่กล่าวไว้ในเว็บไซต์ Yahoo Japan เนื่องจากมีดอกไม้บานสะพรั่งบนภูเขา มีดอกซากุระที่บานในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นจุดชมฮานามิบนยอดเขาที่น่าตื่นตาตื่นใจ และในช่วงต้นฤดูร้อนก็จะมีพุ่มดอกไฮเดรนเยียหลากสีสัน

คลาสเรียนทำอุด้ง

การทำอุด้ง (เอื้อเฟื้อภาพโดยจังหวัดคากาวะ)
จากที่เราได้พูดถึงตอนแรกว่า จังหวัดคากาวะ มีซานุคิอุด้ง ที่โด่งดังไปทั่วประเทศญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อมาถึงที่ทั้งที ก็ไม่ควรพลาดที่จะลองทำเส้นอุด้งด้วยตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นโปรเรื่องเส้นพาสต้า หรือเป็นมือใหม่เรื่องการทำอาหาร ที่นี่มีคลาสให้เรียนทำเส้นอุด้งอยู่มากมาย

เวิร์คช็อปการย้อมผ้าแบบไอโซเมะและพัดอุจิวะ

Tonbiii (เอื้อเฟื้อภาพโดย Marugame City Tourist Association)
หากอยากลองทำงานหัตถกรรมท้องถิ่น สามารถเลือกพักที่เกสท์เฮาส์ Tonbiii ที่อยู่ห่างจากสถานี Marugame เพียงแค่ 10 นาที และยังจะได้ทำงานฝีมือแบบญี่ปุ่นด้วย ไม่ว่าจะเป็น ไอโซเมะ (การย้อมคราม) และคลาสสอนทำพัดอุจิวะจากไม้ไผ่

Tonbiii
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ)

เนื้อวากิวที่เลี้ยงด้วยมะกอก

Olive Wagyu (เอื้อเฟื้อภาพโดยจังหวัดคากาวะ)
เราได้ทดลองทำงานฝีมือกันไปแล้ว ก็ถึงคราวที่จะลองชิมหนึ่งในเมนูพิเศษของจังหวัดคากาวะกันแล้ว ซึ่งนั่นก็คือ olive wagyu beef หรือวัวซานุคิที่เลี้ยงด้วยมะกอกที่ปลูกในพื้นที่ โดยใช้มะกอกที่ผ่านการทำเป็นน้ำมันมะกอกแล้ว วัวก็จะได้กินเศษมะกอกที่เหลือ ซึ่งเนื้อวัวที่ได้นั้นจะเข้มข้น และยังมีรสชาติของเนื้อวากิวอยู่ สำหรับรายชื่อร้านที่เสริฟเนื้อวากิวที่ไม่เหมือนใครแบบนี้ สามารถดูได้ที่นี่

สำรวจเซโตอุจิ

ตั้งแต่นิทานโบราณเก่าแก่ นักสู้ ผู้ที่ช่วยชีวิตเต่า วิวชมพระอาทิตย์ตกดิน พาร์เฟ่ต์พีช และอีกมากมาย โอคายามะและคากาวะเป็นถูกแบ่งด้วยทะเลเซโตใน และเชื่อมต่อกันด้วยวัฒนธรรม เที่ยวญี่ปุ่นคราวหน้าลองแวะมาที่ทะเลใเนเซโตกัน!

ติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวและข่าวสารจากญี่ปุ่น กับ Japankuru ได้ทาง Facebook และ Twitter
Comment
POST
Related Article
ถาม-ตอบ
  • PARTNERS