Hana-Biyori สวนพฤกษศาสตร์แห่งใหม่ในโตเกียว ที่อยู่ในสวนสนุกชื่อดังของญี่ปุ่น

สวนพฤกษศาสตร์แห่งใหม่ในโตเกียว

เมื่อ Digital Art มาเจอกับดอกไม้ ที่ Hana-Biyori

Yomiuriland เป็นสวนสนุกชื่อดังแห่งหนึ่งในโตเกียว อยู่ไม่ไกลจากชินจุกุ ผู้คนนิยมมาเล่นน้ำที่สวนน้ำ Summer water park ในฤดูร้อน ดูการประดับไฟในช่วงฤดูหนาว และชมซากุระในฤดูใบไม้ผลิ เป็นสวนสนุกที่มาสนุกได้ทุกฤดู และยังเหมาะกันคนที่ชอบดอกไม้ที่สุด เพราะเมื่อปลายปี 2019 ที่ผ่านมา สวนสนุกแห่งนี้ได้ฉลองครบรอบ 70 ปี ด้วยการเปิดโซนใหม่ที่ไม่ได้มีรถไฟเหาะหรือชิงช้าสวรรค์แต่อย่างใด แต่เป็น Hana-Biyori สวนพฤกษศาสตร์ที่อยู่ในสวนสนุก ที่ผสมผสาน Digital art และดอกไม้นานาพันธุ์เข้าด้วยกัน เป็นสวนดอกไม้สำหรับยุคนี้อย่างแท้จริง ที่ Yomiuruland นอกจากจะเป็นจุดชมซากุระที่สวยจุดหนึ่งในโตเกียวแล้ว ตอนนี้จะเป็นอีกก้าวหนึ่งที่จะกลายเป็น สุดยอดสวนสนุก

ไฮไลท์ของ Hana-Biyori นั้นอยู่ภายในเรือนกระจก แต่ก่อนที่จะเดินเข้าไปก็จะมีต้นซากุระล้อมรอบตัวอาคาร ให้ชื่นชม และถ่ายรูปกันก่อน ในแต่ละฤดูก็จะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนของประเภทดอกไม้ให้เราได้ชมกัน เช่น ฤดูใบไม้ผลิจะเป็นต้นซากุระสีชมพูหวาน และมีดอกไม้ชนิดอื่นหลากสีสันอยู่ในบริเวณด้านล่างใกล้เคียงกัน น้ำที่ใช้ในการดูแลรักษาให้ต้นไม้ ดอกไม้เหล่านี้สวยงามอยู่เสมอนั้น ไหลมาจากภูเขาทามะ ผ่านบ่อน้ำ และลำธาร ที่มีการจัดการ และการควบคุมการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นอย่างดีเยี่ยม

มุมมองจากดอกไม้สีสันสดใส ที่มีฉากหลังเป็นตัวอาคาร Hana-Biyori และต้นซากุระ บวกกับอากาศและแดดดีๆ ทำให้รูปนี้เพอร์เฟกต์สุดๆ แล้วตามไปดูไฮไลท์ด้านในอาคารกับพวกเราทีม Japankuru กัน
 

*ปัจจุบัน(มิถุนายน 2020) มีการออกกฎพิเศษในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Hana-Biyori (ภาษาอังกฤษ)
*เวลาการเข้าชมอาจมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากสถานกาณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

6 ไฮไลท์ของ Hana-Biyori ที่ไม่ควรพลาด

① “แชนเดอเลียร์ดอกไม้” ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

ดอกไม้กว่า 300 ชนิดที่ห้อยลมาจากเพดานในตัวอาคาร Hana-Biyori ทั้ง Fuchsia (ดอกโคมญี่ปุ่น), Petunia (พิทูเนีย), Geranium (เจอราเนียม) และ Streptocarpus (Cape Primrose) เป็นแชนเดอเลียร์ดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เมื่อแสงแดดส่องผ่านหลังคากระจก ยิ่งทำให้ดอกไม้ดูสดใสยิ่งขึ้น เงาของดอกไม้ส่องมาบนพื้นก็เปลี่ยนไปตามการเคลื่อนไหว

② Digital Art ดอกไม้จริง และเทคโนโลยี Projection Mapping (3D Mapping)

หากขณะเดินเล่นอยู่ใน Hana-Biyori แล้วอยู่ๆเพดานกระจกโดนปิดมืด จนไม่เห็นแสงด้านนอก ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะการแสดง projection mapping กำลังจะเริ่มขึ้น ม่านที่อยู่ตรงกลางฮอลล์จะกลางเป็นจอแสดงผลที่มีความยาว 60 เมตร และเมื่อมีการดับไฟลง ก็จะเริ่มโชว์ projection mapping โลกเสมือนจริงที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ทั้งจอ พื้น และแชนเดอเลียร์ดอกไม้

ในช่วงเวลา 10 นาทีของการแสดง มีการใช้เทคโนโลยี 20 high-brightness projectors และ immersive 14.2 surround sound audio ที่เปลี่ยนฮอลล์ให้กลายเป็นโลกแห่งดอกไม้ และมีต้น palo borracho อายุกว่า 400 ปี ที่เป็นสัญลักษณ์ของ Hana-Biyori อยู่ตรงกลางฮอลล์ ท่ามกลางแสงสีที่สาดส่องไปมา

เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้ฉากสุดท้ายที่สวยงามทุกครั้ง ในการแสดงแต่ละครั้งก็จะมีตอนจบที่แตกต่างกันออกไป โดยการวิเคราะห์จากอารมณ์ของผู้ชม เพราะทุกคนมีอิทธิพล และมีส่วนร่วมกับการแสดง

สำหรับวันธรรมดาจะมีการแสดงวันละ 4 รอบ ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดจะมีการแสดงวันละ 6 รอบ เวลาแสดงจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลด้วย สำหรับการชมการแสดงนั้นไม่ต้องซื้อตั๋วเพิ่มแต่อย่างใด แค่เช็ครอบตามวันเวลาที่จะไป และไปถึงก่อนเวลา เพื่อที่จะได้มีเวลาเดินชมอย่างอื่นด้วย 

การแสดง Digital Art
วันธรรมดา: 10:30, 12:30, 14:30, 16:30, 18:00*, 19:30*
วันเสาร์-อาทิตย์: 10:00, 11:00, 13:00, 14:00, 15:00, 16:00, 17:30*, 18:30*, 19:30*
*การแสดงช่วงกลางคืนมีเฉพาะ 27 มีนาคม – 5 เมษายน

③ Starbucks ในสวนพฤกษศาสตร์ แห่งแรกในญี่ปุ่น

ก่อนที่จะเปิดให้บริการ Hana-Biyori มีการวางแผนที่จะให้ Starbucks เป็นร้านกาแฟที่อยู่ในสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ ญี่ปุ่นเองได้ขึ้นชื่อว่ามีร้านสตาร์บัคส์ที่มีโลเคชั่นเจ๋งๆอยู่หลายที่ ไม่ว่าจะเป็น Reserve Roastery ที่ Nakameguro, ศาลเจ้า Dazaifu Tenmangu ในจังหวัดฟุกุโอกะ และใกล้ๆกับวัดน้ำใส ในเกียวโต ที่นี่ก็เป็นสตาร์บัคส์อีกหนึ่งสาขาที่มีโลเคชั่นที่สวย ควรแก่การไปนั่งจิบกาแฟท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้
 

Starbucks ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของตึกหันไปทางกำแพงกระจก ฉากกั้นระหว่างที่นั่งเป็นผลงาน handmade ของศิลปินญี่ปุ่น มีการใช้ไม้จากต้นไม้ที่ได้รับความเสียหายจากไต้ฝุ่นใน Yomiuriland มาทำเป็นเก้าอี้ และโต๊ะ แต่ละตัวทำมาจากไม้คนละชิ้น มีรูปร่างและลวดลายที่แตกต่างกันตามธรรมชาติ จึงทำให้โต๊ะและเก้าอี้ทุกตัวมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

เฟอร์นิเจอร์ไม้ ดอกไม้ทั้งด้านนอกและภายในตัวอาคาร และอากาศบริสุทธิ์ ทำให้ที่นี่เป็นร้านกาแฟที่สวย และน่าไปจริงๆ ตอนที่เราไป เราสั่งกาแฟมาแก้วแล้วแก้วเล่า เพื่อที่จะได้ใช้เวลาอยู่ที่นี่ ชื่นชมดอกไม้ และเก็บบรรยากาศให้ได้มากที่สุด

Starbucks (สตาร์บัคส์) สาขา Yomiuriland Hana-Biyori 
เวลาทำการ 9:30-17:00
เว็บไซต์​ (ภาษาอังกฤษ)

④ ให้อาหารนาก

ถ้าพูดถึงสัญลักษณ์ของ Hana-Biyori  ก็คือต้น Palo Borracho แต่ถ้ามาสคอตก็ต้องเป็น นาก พันธุ์เล็บสั้นตัวนี้ ภายในตัวอาคารมีโซนที่น้องๆอยู่ด้วย สามารถไปแวะเล่นกับน้องๆได้

ที่ Hana-Biyori เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสความน่ารักของน้องนากสุดน่ารัก โดยมีช่องเล็กๆที่ให้เราได้จับมือน้องนาก และให้อาหารผ่านช่องทางนี้ได้อีกด้วย น้องน่ารักมากจริงๆ

ให้อาหารนาก
เวลา 11:30, 13:30, 15:30
สถานที่: Otter Biyori
*ในช่วงเวลาของการระบาดโควิด-19 เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้  

⑤ สวนที่เต็มไปด้วยสมบัติทางวัฒนธรรม ใบไม้แดง และดอก spider lily

Hana-Biyori ไม่ได้มีแค่บริเวณตัวอาคารอย่างเดียว แต่จะมีส่วนอื่นๆที่มีธีมที่แตกต่างกันไป รวมถึงใบไม้แดง หรือ koyo และสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น มีส่วนหนึ่งเรียกว่า ป่าศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Forest)  ได้ชื่อนี้มาเพราะการสะสมอาคารประวัติศาสตร์ ได้รับการกำหนดให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น

เจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า และรูปปั้นของพระโพธิสัตว์เมียวเค็น และพระอวโลกิเตศวร เป็นแค่เพียงส่วนเล็กๆในสวนแห่งนี้ ที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นให้เราได้ชมกัน รวมถึงบริเวณรอบๆ จะมี Red Spider Lily กว่า 2000 ดอก ขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วย 

⑥ ตู้ปลาสไตล์โอกินาว่า

ใกล้ๆกับสตาร์บัคส์ มีตู้ปลาน้ำเค็ม อยู่ในตัวอาคาร Hana-Biyori ปลาหลากสี หลากสายพันธุ์กับดอกไม้ที่อยู่ด้านบน ช่วยเติมสีสันให้บริเวณนี้สดใสยิ่งขึ้น สำหรับเด็กๆที่ชอบปลาสามารถเลือกนั่งใกล้ๆกับตู้ปลาได้ด้วย

ตู้ปลาขนาดใหญ่นี้นำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ มีความยาว 8 เมตร มีปลาการ์ตูนกว่า 1,200 ตัว ปลาแดมเซล ปลาทองทะเล และชนิดอื่นๆกว่าอีก 50 ชนิด

นั่งพักจิบกาแฟ ดูปลาเพลินๆ หรือจะนั่งคุยกับนีโม่ มาร์ลิน และดอรี่!

เรื่องสนุกๆเพิ่มเติม

ของฝากของที่ระลึกจากสวนดอกไม้

จุดขายของฝาก ของที่ระลึกก่อนกลับบ้าน หน้าตาน้องนากเว้าวอนน่าพากลับบ้านมากๆ โดยเฉพาะตัวที่เกาะเสาอยู่ ใครเห็นก็ต้องใจอ่อนแน่ๆ
สำหรับของที่ระลึกอีกแบบที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือการเข้าร่วมกิจกรรม workshop จัดดอกไม้ ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
 

ซากุระ! ชมดอกไม้! วิวซากุระ!

ก่อนหน้านี้เราได้พูดถึงไปแล้วว่าซากุระของที่ Yomiuriland นั้นมีชื่อเสียง เหมาะแก่การมาชมดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ ในการชมดอกไม้ของญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า Hanami นั้น เป็นการชมดอกไม้ กับเพื่อนฝูง หรือครอบครัว นั่งกินดื่ม ใต้ต้นซากุระ ส่วนที่ Hana-Biyori นั้นสามารถนั่งดื่มกาแฟ Starbucks พร้อมกับชมซากุระไปได้พร้อมๆกัน เป็นอีกวิธีในการชมซากุระแบบใหม่
 

ในช่วงฤดูซากุระ ที่ Hana-Biyori มีการขยายเวลาการเข้าชม สำหรับการชมซากุระในตอนกลางคืน ซากุระสีชมพูอ่อนที่โดนไฟส่อง ตัดกับท้องฟ้ายามค่ำคืน ทำให้ซากุระสวยไปอีกแบบ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เหมาะแก่การไปเดท
 

จัดเป็นทริปสำหรับ 1 วัน

เคยไป Yomiuriland กันรึยัง

Hana-Biyori เป็นส่วนหนึ่งของ Yomiuriland แต่มีทางเข้ากันคนละทาง และสามารถซื้อตั๋วแยกกันได้ ถ้าหากอยากแค่เข้าไปซื้อสตาร์บัคส์ เดินเล่นชมดอกไม้ก่อนกลับก็ได้ แต่เราแนะนำว่าให้ไปทั้งวันเลยดีกว่า และหากซื้อทั้งสองอย่างพร้อมกัน จะได้ส่วนลด 200-300 เยน ได้เดินชมดอกไม้อย่างจุใจ และได้เข้าไปในส่วนของสวนสนุกด้วย เหมาะกับเป็นทริป 1 วันในโตเกียวสุดๆ
 

ตอนที่ทีม Japankuru ได้ไป Hana-Biyori เป็นช่วงที่มีการเปิดให้บริการวันแรกๆ ซึ่งตรงกับวันที่ซากุระบานเต็มที่ (full bloom) ทำให้เรามีโอกาสได้เห็นดอกไม้ในทั้ง 2 โซน ในตอนเช้าเราได้เข้าไปที่ Yomiuriland รอบๆสวนสนุกเต็มไปด้วยซากุระสีชมพูหวาน เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ได้เดินดูซากุระยามค่ำคืน แสงไฟที่ส่องซากุระ บวกกับดนตรีที่เปิดอยู่ใน Hana-Biyori นั้นได้บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้ไปสัมผัสทั้งช่วงเวลากลางวัน และกลางคืนเลย
 

Hana-Biyori อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวน่าไปในโตเกียว

มีทั้งสวนพฤกษศาสตร์ ที่มีดอกไม้ให้ชมตั้งแต่บนพื้นดิน ไปจนถึงเพดาน พร้อมกับ Digital Art ที่น่าตื่นตาตื่นใจ น้องนากสุดน่ารัก สตาร์บัคส์แห่งใหม่ในสวนพฤกษศาสตร์ ที่คุณสามารถจิบกาไฟไปพร้อมกับชมดอกไม้ได้ หากกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวในโตเกียว เดินทางไม่ไกลจากใจกลางเมือง หรือหากมีทริปไปเที่ยวใกล้ Yokohama หรือ Kawasaki ก็สามารถผูก Yomiuriland และ Hana-Birori เข้าไปในทริปนั้นได้