รีวิว เดินทางจากญี่ปุ่นกลับไทยช่วงโควิด ฉบับกักตัวกับรัฐบาล (SQ)

Tokyo Accommodation โควิด 2021.03.30
การเตรียมเอกสาร จองตั๋วเครื่องบิน บรรยากาศ และโรงแรมที่พักกักตัว
การเดินทางข้ามประเทศในช่วงสถานการณ์โควิดนั้นค่อนข้างที่จะลำบากกว่าเมื่อก่อนมาก ต้องมีการวางแผนให้ดี และเตรียมตัวให้พร้อม ซึ่งการเดินทางจากประเทศญี่ปุ่นไปยังประเทศไทย ไม่ว่ากรณีใดก็ตามต้องมีการกักตัว 14 วัน เพื่อกักกันเชื้อโรค ซึ่งรายละเอียดจะมีอะไรบ้างนั้นตามเรามาดูกันเลย

การเดินทางจากประเทศญี่ปุ่นไปยังประเทศไทยมีให้เลือก 2 วิธี คือ 
1. เดินทางโดยเที่ยวบินที่กำหนดโดยสถานทูตและพักที่โรงแรมที่จัดให้โดยรัฐบาล (State Quarantine หรือ SQ) สำหรับคนไทย เสียค่าใช้จ่ายแค่เพียงค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก การเดินทางไปยังที่พัก อาหาร 3 มื้อ และการตรวจหาเชื้อโควิด (SWAB) ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย

2. เลือกวันเดินทางและโรงแรมเอง (Alternative State Quarantine หรือ ASQ) สำหรับคนไทยและชาวต่างชาติ กรณีนี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ทั้งตั๋วเครื่องบินและค่าที่พัก โดยโรงแรมที่เข้าร่วมเป็น ASQ จะออกแพคเกจสำหรับผู้กักตัวอยู่แล้ว โดยจะมีราคาประมาณ 30,000 บาทขึ้นไป

สำหรับการเดินทางในครั้งนี้เราเลือกเป็นวิธีที่ 1 แบบ State Quarantine

โดยอย่างแรกเลยที่เราต้องทำก็คือ เลือกวันเดินทาง และซื้อตั๋วเครื่องบินที่กำหนดโดยสถานทูต โดยสามารถดูประกาศได้จากเว็บไซต์สถานเอกอักครราชทูต ณ กรุงโตเกียว หรือสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา ซึ่งจะมีการประกาศล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน
ที่พัก State Quarantine
หลังจากที่ได้ตั๋วเครื่องบินมาแล้วก็ต้องเข้าไปลงทะเบียนเพื่อขอหนังสือรับรองเพื่อเดินทางกลับไทย (COE) ก่อนวันเดินทาง 7 วัน (เราแนะนำว่าเมื่อได้ตั๋วเครื่องบินแล้วให้รีบทำให้เสร็จเลย) เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วจะมีอีเมลจากทางสถานทูต ให้เราปริ้น COE ออกมาเพื่อนำไปใช้ประกอบขั้นตอนการ check-in ที่สนามบินและตม.ที่ประเทศไทย

เอกสารประกอบการเดินทางที่ต้องใช้เมื่อCheck in วันเดินทาง (ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว)
1. หนังสือเดินทางฉบับจริง
2. หนังสือรับรองการเดินทาง (COE) จากสถานเอกอัครราชทูตฯ (ต้องปริ้นออกมา)
3. ใบรับรองแพทย์ฉบับจริงภาษาอังกฤษที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทาง (Fit to Fly Health Certificate) เราไปที่ Numata Medical Clinic (แผนที่) คุณหมอใจดี และมีเอกสารภาษาไทยให้กรอก สะดวกมากๆ แถมราคาไม่แพงด้วย 
4. บัตรโดยสารเครื่องบิน (ต้องปริ้นออกมา)
5. ใบ ต.8 โหลดได้ตาม link นี้ (ต้องปริ้นออกมา)
 
  • และแล้วก็ถึงวันเดินทาง ครั้งนี้เราขึ้นจากสนามบินฮาเนดะ แม้ว่าเราจะเคยมาสนามบินฮาเนดะแค่ไม่กี่ครั้ง แต่เราก็จำได้ว่า สนามบินจะคึกคักตลอด พอได้มาเจอสนามบินเงียบๆ คนน้อยๆ มันดูแปลกชอบกล จากที่เรากะจากสายตา เหมือนกับว่าช่วงเวลานั้นจะมีแค่เพียงไฟล์ทของเราเพียงไฟล์ทเดียว เคาน์เตอร์เปิดให้เช็คอินก็มีแค่เพียงสายการบินที่เราขึ้นเท่านั้น 
  • เนื่องจากมีผู้โดยสารน้อยมาก ทำให้การตรวจกระเป๋าและด่านตม.นั้นผ่านไปได้เร็วสุดๆ แทบจะไม่มีคิวเลย และเมื่อผ่านจากการตรวจเอกสารเรียบร้อยแล้ว โซนร้านค้าปลอดภาษีก็เงียบเหงาเป็นที่สุด โซนสินค้าปลอดภาษีเปิดเพียงแค่ร้านเดียว มีบุหรี่ เหล้า น้ำหอม เครื่องสำอาง และขนมของฝากเล็กๆน้อยๆ อย่าง โตเกียวบานาน่า (แต่เราไม่ได้ซื้อมาเนื่องจากหมดอายุเร็ว ไม่ทันช่วงกักตัว) ช็อคโกแลต ฯลฯ ใครที่อยากซื้อขนมแนะนำว่าให้ไปซื้อจากข้างนอก เช่น สถานีโตเกียวหรือภายในห้างสรรพสินค้าก่อนวันเดินทาง แล้วถือขึ้นเครื่องหรือไม่ก็โหลดจะดีกว่า ส่วนร้านแบรนด์เนมต่างๆก็ปิดหมด แม้แต่ window shopping ก็ไม่สามารถทำได้ ร้านอาหารมีเปิดอยู่ประมาณ 3-4 ร้าน และร้านสะดวกซื้อ 1 ร้าน

ที่มารูปภาพ: Khaosod English

สำหรับบนเครื่องบินนั้น มีการบริการแบบปกติ ไม่ได้มีการเว้นที่นั่ง เพียงแต่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจะสวมใส่หน้ากาก (และถุงมือ) ขณะให้บริการ 

เมื่อลงจากเครื่องบินก็จะมีการตรวจเอกสารที่เราได้เตรียมมาจากประเทศญี่ปุ่น ทั้งหนังสือเดินทาง, ใบ COE, เอกสารรับรองแพทย์ Fit to Fly และ ใบ ต.8 จากนั้นเจ้าหน้าที่จะมีการซักถามอาการว่า ภายใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีอาการเจ็บคอ เป็นไข้ ไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รสหรือไม่ ถ้าทุกอย่างผ่านเรียบร้อย ก็เดินออกมารับกระเป๋าที่สายพานได้ 

และเมื่อเราพ้นจากด่านศุลกากร จะมีเจ้าหน้าที่แจกบัตรคิว เพื่อให้เราขึ้นรถบัสไปยังสถานที่กักตัวต่อไป โดยก่อนขึ้นรถเจ้าหน้าที่จะทำการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อใส่กระเป๋าเดินทางของเรา ต่อแถวขึ้นรถบัส โดยที่เราจะรู้ว่าได้พักที่ไหนก็ต่อเมื่อรถบัสได้จอดที่หน้าโรงแรม
ส่วนเราจะได้พักที่ไหน จังหวัดอะไร ห้องพักเป็นอย่างไร รอติดตามได้ในตอนหน้า ถ้าไม่อยากพลาด สามารถติดตาม Japankuru ได้ทาง Facebook และ Twitter
Comment
POST
Related Article
ถาม-ตอบ
  • PARTNERS