การเตรียมเอกสาร จองตั๋วเครื่องบิน บรรยากาศ และโรงแรมที่พักกักตัว
การเดินทางข้ามประเทศในช่วงสถานการณ์โควิดนั้นค่อนข้างที่จะลำบากกว่าเมื่อก่อนมาก ต้องมีการวางแผนให้ดี และเตรียมตัวให้พร้อม ซึ่งการเดินทางจากประเทศญี่ปุ่นไปยังประเทศไทย ไม่ว่ากรณีใดก็ตามต้องมีการกักตัว 14 วัน เพื่อกักกันเชื้อโรค ซึ่งรายละเอียดจะมีอะไรบ้างนั้นตามเรามาดูกันเลย
การเดินทางจากประเทศญี่ปุ่นไปยังประเทศไทยมีให้เลือก 2 วิธี คือ
1. เดินทางโดยเที่ยวบินที่กำหนดโดยสถานทูตและพักที่โรงแรมที่จัดให้โดยรัฐบาล (State Quarantine หรือ SQ) สำหรับคนไทย เสียค่าใช้จ่ายแค่เพียงค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก การเดินทางไปยังที่พัก อาหาร 3 มื้อ และการตรวจหาเชื้อโควิด (SWAB) ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย
2. เลือกวันเดินทางและโรงแรมเอง (Alternative State Quarantine หรือ ASQ) สำหรับคนไทยและชาวต่างชาติ กรณีนี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ทั้งตั๋วเครื่องบินและค่าที่พัก โดยโรงแรมที่เข้าร่วมเป็น ASQ จะออกแพคเกจสำหรับผู้กักตัวอยู่แล้ว โดยจะมีราคาประมาณ 30,000 บาทขึ้นไป
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้เราเลือกเป็นวิธีที่ 1 แบบ State Quarantine
โดยอย่างแรกเลยที่เราต้องทำก็คือ เลือกวันเดินทาง และซื้อตั๋วเครื่องบินที่กำหนดโดยสถานทูต โดยสามารถดูประกาศได้จากเว็บไซต์สถานเอกอักครราชทูต ณ กรุงโตเกียว หรือสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา ซึ่งจะมีการประกาศล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน
ที่พัก State Quarantine
หลังจากที่ได้ตั๋วเครื่องบินมาแล้วก็ต้องเข้าไปลงทะเบียนเพื่อขอหนังสือรับรองเพื่อเดินทางกลับไทย (COE) ก่อนวันเดินทาง 7 วัน (เราแนะนำว่าเมื่อได้ตั๋วเครื่องบินแล้วให้รีบทำให้เสร็จเลย) เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วจะมีอีเมลจากทางสถานทูต ให้เราปริ้น COE ออกมาเพื่อนำไปใช้ประกอบขั้นตอนการ check-in ที่สนามบินและตม.ที่ประเทศไทย
เอกสารประกอบการเดินทางที่ต้องใช้เมื่อCheck in วันเดินทาง (ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว)
1. หนังสือเดินทางฉบับจริง
2. หนังสือรับรองการเดินทาง (COE) จากสถานเอกอัครราชทูตฯ (ต้องปริ้นออกมา)
3. ใบรับรองแพทย์ฉบับจริงภาษาอังกฤษที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทาง (Fit to Fly Health Certificate) เราไปที่ Numata Medical Clinic (แผนที่) คุณหมอใจดี และมีเอกสารภาษาไทยให้กรอก สะดวกมากๆ แถมราคาไม่แพงด้วย
4. บัตรโดยสารเครื่องบิน (ต้องปริ้นออกมา)
5. ใบ ต.8 โหลดได้ตาม link นี้ (ต้องปริ้นออกมา)
และแล้วก็ถึงวันเดินทาง ครั้งนี้เราขึ้นจากสนามบินฮาเนดะ แม้ว่าเราจะเคยมาสนามบินฮาเนดะแค่ไม่กี่ครั้ง แต่เราก็จำได้ว่า สนามบินจะคึกคักตลอด พอได้มาเจอสนามบินเงียบๆ คนน้อยๆ มันดูแปลกชอบกล จากที่เรากะจากสายตา เหมือนกับว่าช่วงเวลานั้นจะมีแค่เพียงไฟล์ทของเราเพียงไฟล์ทเดียว เคาน์เตอร์เปิดให้เช็คอินก็มีแค่เพียงสายการบินที่เราขึ้นเท่านั้น
เนื่องจากมีผู้โดยสารน้อยมาก ทำให้การตรวจกระเป๋าและด่านตม.นั้นผ่านไปได้เร็วสุดๆ แทบจะไม่มีคิวเลย และเมื่อผ่านจากการตรวจเอกสารเรียบร้อยแล้ว โซนร้านค้าปลอดภาษีก็เงียบเหงาเป็นที่สุด โซนสินค้าปลอดภาษีเปิดเพียงแค่ร้านเดียว มีบุหรี่ เหล้า น้ำหอม เครื่องสำอาง และขนมของฝากเล็กๆน้อยๆ อย่าง โตเกียวบานาน่า (แต่เราไม่ได้ซื้อมาเนื่องจากหมดอายุเร็ว ไม่ทันช่วงกักตัว) ช็อคโกแลต ฯลฯ ใครที่อยากซื้อขนมแนะนำว่าให้ไปซื้อจากข้างนอก เช่น สถานีโตเกียวหรือภายในห้างสรรพสินค้าก่อนวันเดินทาง แล้วถือขึ้นเครื่องหรือไม่ก็โหลดจะดีกว่า ส่วนร้านแบรนด์เนมต่างๆก็ปิดหมด แม้แต่ window shopping ก็ไม่สามารถทำได้ ร้านอาหารมีเปิดอยู่ประมาณ 3-4 ร้าน และร้านสะดวกซื้อ 1 ร้าน
สำหรับบนเครื่องบินนั้น มีการบริการแบบปกติ ไม่ได้มีการเว้นที่นั่ง เพียงแต่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจะสวมใส่หน้ากาก (และถุงมือ) ขณะให้บริการ
เมื่อลงจากเครื่องบินก็จะมีการตรวจเอกสารที่เราได้เตรียมมาจากประเทศญี่ปุ่น ทั้งหนังสือเดินทาง, ใบ COE, เอกสารรับรองแพทย์ Fit to Fly และ ใบ ต.8 จากนั้นเจ้าหน้าที่จะมีการซักถามอาการว่า ภายใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีอาการเจ็บคอ เป็นไข้ ไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รสหรือไม่ ถ้าทุกอย่างผ่านเรียบร้อย ก็เดินออกมารับกระเป๋าที่สายพานได้
และเมื่อเราพ้นจากด่านศุลกากร จะมีเจ้าหน้าที่แจกบัตรคิว เพื่อให้เราขึ้นรถบัสไปยังสถานที่กักตัวต่อไป โดยก่อนขึ้นรถเจ้าหน้าที่จะทำการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อใส่กระเป๋าเดินทางของเรา ต่อแถวขึ้นรถบัส โดยที่เราจะรู้ว่าได้พักที่ไหนก็ต่อเมื่อรถบัสได้จอดที่หน้าโรงแรม
ส่วนเราจะได้พักที่ไหน จังหวัดอะไร ห้องพักเป็นอย่างไร รอติดตามได้ในตอนหน้า ถ้าไม่อยากพลาด สามารถติดตาม Japankuru ได้ทาง Facebook และ Twitter
PROFILE
อาศัยอยู่ในโตเกียว เวลาว่างชอบตระเวนหาของกินอร่อยๆ เดินเล่นในย่านน่ารักๆ และสรรหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆทั่วญี่ปุ่น
COMMENT
FEATURED MEDIA
VIEW MOREA Very Special Trip on the Ferry Sunflower #japankuru #ferrysunflower #hokkaidotrip #japanexperience #japantrip #girlstrip #oarai #tomakomai #北海道 #北海道旅行 #茨城 #홋가이도 #일본선박여행 #토마코마이 #이바라키 #북해도 #페리여행 #여행에미치다 #여자끼리 #日本渡輪 #sunflower號 #坐船旅行 #日本女子旅 #日本體驗
Japanese Makeup Shopping • A Trip to Kamakura & Enoshima With Canmake’s Cool-Toned Summer Makeup #pr #canmake #enoshima #enoden #에노시마 #캔메이크 #japanesemakeup #japanesecosmetics
⚔️The Robot Restaurant is gone, but the Samurai Restaurant is here to take its place. Check it out, and don't forget your coupon! 🍣신주쿠의 명소 로봇 레스토랑이 사무라이 레스토랑으로 부활! 절찬 쿠폰 발급중 💃18歲以上才能入場的歌舞秀,和你想的不一樣!拿好優惠券去看看~ #tokyo #shinjuku #samurairestaurant #robotrestaurant #tokyotrip #도쿄여행 #신주쿠 #사무라이레스토랑 #이색체험 #할인이벤트 #歌舞伎町 #東京景點 #武士餐廳 #日本表演 #日本文化體驗 #japankuru #japantrip #japantravel #japanlovers #japan_of_insta
Japanese appliance & electronics shopping with our KOJIMA x BicCamera coupon! 用JAPANKURU的KOJIMA x BicCamera優惠券買這些正好❤️ 코지마 x 빅 카메라 쿠폰으로 일본 가전 제품 쇼핑하기 #pr #japankuru #japanshopping #kojima #biccamera #japaneseskincare #yaman #dji #osmopocket3 #skincaredevice #日本購物 #美容儀 #相機 #雅萌 #日本家電 #일본여행 #면세 #여행꿀팁 #일본쇼핑리스트 #쿠폰 #일본쇼핑 #일본브랜드 #할인 #코지마 #빅카메라 #japankurucoupon
Odaiba's DiverCity Tokyo Plaza is home to the famous real-size 20m-tall Unicorn Gundam, and the popular shopping center has even more Gundam on the inside! Check out the Gundam Base Tokyo on the 7th floor for shelves upon shelves of Gunpla, and the Gundam Base Tokyo Annex on the 2nd floor for cool anime merchandise. Both shops have tons of limited-edition items! #pr #odaiba #tokyo #tokyotrip #japantrip #japantravel #PR #divercity #divercitytokyoplaza #tokyoshopping #gundam #unicorngundam #gundambasetokyo #anime #otaku #gunpla #japankuru #오다이바 #다이바시티도쿄 #오다이바건담 #건담 #일본건담 #건프라 #건담베이스도쿄
#okinawa #japankuru #littleuniverse #littleuniverseokinawa #오키나와 #리틀유니버스오키나와 #일본여행 #沖縄 #iias沖縄豊崎 #dmm카리유시수족관 #오키나와여행 #沖繩小小宇宙博物館 #iiasokinawatoyosaki #이이아스오키나와 #japanesekawaii #japantrip #okinawajapan #okinawatrip