พาเที่ยว Ghibli Park & Ghibli's Grand Warehouse

Chubu Entertainment จิบลิ 2023.06.26
พาชมจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ของสาวกจิบลิ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโลกอนิเมชั่นจากสตูดิโอจิบลิที่ทุกคนต่างหลงรัก ไม่ว่าจะเป็น My Neighbor Totoro, Spirited Away และอื่น ๆ อีกมากมาย
Ghibli Park

ตั้งแต่วินาทีที่ข่าวเรื่อง Ghibli Park ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการในปี 2019 เหล่าแฟนคลับของสตูดิโอจิบลิต่างก็เฝ้ารอการเปิดตัวของสถานที่ท่องเที่ยวใหม่แห่งนี้อย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าจะมีความวุ่นวายจากโรคระบาด แต่โชคดีสำหรับแฟน ๆ ทั่วโลกที่การก่อสร้างยังคงเป็นไปตามแผน และแล้วในที่สุด Ghibli Park ก็เปิดตามกำหนดในปลายปี 2022
หลังจากที่พรมแดนของประเทศญี่ปุ่นเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั๋ว Ghibli Park เปิดให้สามารถซื้อออนไลน์ได้จากทั่วโลก ก็เป็นโอกาสอันดีที่แฟน ๆ จิบลิจะเดินทางมายังจังหวัดไอจิ เพื่อไปทักทายโทโทโร่และผีไร้หน้าอย่างใกล้ชิด!

Ghibli Park (ジブリパーク)
Expo 2005 Aichi Commemorative Park (Moricoro Park), Ibaragabasama-otsu 1533-1, Nagakute, Aichi


เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
Official Website (jp)
Official Website (eng)
การซื้อตั๋วและค่าเข้า Ghibli Park

เหมือนกับจุดท่องเที่ยวอีกหลายแห่งในญี่ปุ่น ที่ Ghibli Park เองก็มีการจำกัดจำนวนผู้เข้าชมและไม่มีการจำหน่ายตั๋วที่หน้างาน ต้องจองตั๋วล่วงหน้าจากตู้ Loppi ใน LAWSON ทั่วประเทศญี่ปุ่นหรือผ่านทางเว็บไซต์ โดยตั๋วจะเปิดให้จองในวันที่ 10 ของทุกเดือน และสามารถเลือกวันล่วงหน้าได้ประมาณ 3 เดือน
แนะนำให้รีบจองตั้งแต่วันแรกเพราะตั๋วเต็มเร็วมากแม้แต่รอบวันธรรมดา โดยในครั้งนี้ทางทีมงานซื้อตั๋วล่วงหน้าเพียงหนึ่งเดือน ปรากฏว่าโซน Hill of Youth และ Dondoko Forest เต็มหมดแล้ว จึงจองได้เฉพาะโซน Grand Warehouse แต่หลังจากไปก็มาแล้วก็พบว่าแค่โซนนี้โซนเดียวก็เพียงพอแล้วกับการเดินเที่ยวตลอดหนึ่งวัน

เว็บไซต์ซื้อตั๋ว
▷ลิงก์จองตั๋วสำหรับผู้ที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น
▷ลิงก์จองตั๋วสำหรับผู้ที่อยู่นอกประเทศญี่ปุ่น

เวลาเปิดให้บริการของ Ghibli Park 
วันธรรมดา:
10.00 - 17.00 น.
วันเสาร์ - อาทิตย์, วันหยุดนักขัตฤกษ์ของญี่ปุ่น, ช่วงปิดเทอม:
9.00 - 17.00 น.

**ปิดให้บริการทุกวันอังคาร**
**หากวันอังคารตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะเลื่อนวันหยุดไปเป็นวันธรรมดาวันถัดไปแทน** 
**มีการเปิดให้บริการบางวันอังคารในช่วงวันหยุดปิดเทอม** 
**อาจปิดให้บริการในช่วงปีใหม่และช่วงซ่อมบำรุงตามตาราง** 
สามารถเช็คตารางการเปิดให้บริการตามลิงค์ด้านล่างได้เลยค่ะ
https://ghibli-park.jp/en/calendar/

ค่าเข้าชมในส่วนของ Ghibli's Grand Warehouse
วันธรรมดา:
ผู้ใหญ่ 2,000 เยน           
เด็ก (4 - 12 ปี) 1,000 เยน (ฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 4 ปี)

วันเสาร์ - อาทิตย์, วันหยุดนักขัตฤกษ์:
ผู้ใหญ่ 2,500 เยน           
เด็ก (4 - 12 ปี) 1,250 เยน (ฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 4 ปี)

รอบการเข้าชม: 12:00/14:00

สำหรับจุดจัดแสดงอีก 2 ส่วนที่ทางทีมงานไม่ได้ไปในครั้งนี้คือ Hill of Youth และ Dondoko Forest มีค่าเข้าและรอบการเข้าชมตามรายละเอียดด้านล่างค่ะ (ตั๋ว 1 ใบ/1 สถานที่)
ผู้ใหญ่ 1,000 เยน           
เด็ก (4 - 12 ปี) 500 เยน (ฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 4 ปี)

รอบการเข้าชม: 11:00/15:00

สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมผ่านทาง call center +81 50 3626 2455  ซึ่งรองรับภาษาต่าง ๆ มากมายรวมทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (แต่อาจจะต้องระวังเพราะในเรื่องค่าโทรศัพท์ข้ามประเทศ) หรือสอบถามเกี่ยวกับการซื้อตั๋วได้ทางอีเมล์ ghiblipark-en@ent.lawson.co.jp
การเดินทางจากโตเกียว
แม้ว่า Ghibli Park จะตั้งอยู่ในจังหวัดไอจิซี่งอยู่ห่างจากโตเกียวพอสมควร แต่การเดินทางกลับสะดวกกว่าที่คิด สามารถเดินทางมาจากโตเกียวได้ง่าย ๆ ใน 3 ขั้นตอน!

① นั่งรถไฟชินคันเซนจากสถานีโตเกียวไปยังสถานีนาโกย่า  
(ทีมงานเดินทางมาด้วยรถไฟเที่ยวที่ถึงนาโกย่าตอน 9.30 น. เพื่อเข้าชมส่วนจัดแสดงรอบ 11 โมงเช้า)
② ออกเดินทางจากสถานีนาโกย่าไปสถานีฟุจิกาโอกะ (Fujigaoka Station) ด้วยรถไฟใต้ดินสายฮิกาชิยามะ (Higashiyama subway)
③ออกเดินทางจากสถานีฟุจิกาโอกะไปยังสถานี Ai-Chikyuhaku-Kinen-Koen ด้วยรถไฟลินิโม (Linimo รถไฟที่ลอยตัวเหนือรางด้วยพลังคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าขบวนเดียวในญี่ปุ่น!)

มีรถไฟชินคันเซนที่วิ่งจากสถานีโตเกียวไปยังสถานีนาโกย่าหลายรอบในหนึ่งชั่วโมง จึงง่ายสำหรับการวางแผนการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มี JR Pass  
เข้าสู่ Ghibli Park
Ghibli Park ตั้งอยู่บนพื้นที่ส่วนหนึ่งของ Expo 2005 Aichi Commemorative Park เมื่อเดินมาถึงทางเข้าเราก็พบกับหอคอยลิฟต์สไตล์สตีมพังค์ซึ่งเป็นเหมือนสัญญาณที่บ่งบอกว่านี่ไม่ใช่สวนสาธารณะธรรมดาทั่ว ๆ ไป รอบ ๆ ตัวลิฟต์ตกแต่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบเทพนิยายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่อง Howl's Moving Castle และเรื่อง Castle in the Sky ตัวหอคอยลิฟต์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Hill of Youth ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับทางเข้าที่สุด เราโดยสารลิฟต์ลงไปยังพื้นที่หลักด้านล่าง จากนั้นจึงเดินต่ออีกไม่กี่นาทีเพื่อไปยัง Grand Warehouse อันเป็นจุดหมายหลักของเราในวันนี้  
Part① Minami-machi ・ Children's Town ・ Cat Bus Room
เมื่อเข้ามาถึงส่วน Grand Warehouse ก็จะพบกับโซน Becoming Characters in Memorable Ghibli Scenes เป็นโซนแรก แต่ทางทีมงาน JAPANGURU เลือกที่จะเก็บส่วนนี้เอาไว้ท้ายสุดและเลือกเข้าไปเที่ยวชมจากส่วนจัดแสดงที่อยู่ด้านในสุดออกมา  
จุดแรกที่ทางทีมงานแวะชมคือ Minami-machi ซึ่งจำลองให้ดูคล้ายกับตรอกเล็ก ๆ ในเมืองสมัยโชวะ (ช่วงปี 1926 - 1989) ในโซนนี้มีร้านจำหน่ายสินค้าจิบลิที่หาซื้อได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ, ชุดโมเดล หรือขนมสไตล์ย้อนยุค บนผนังมีการตกแต่งด้วยโปสเตอร์ฉากจากภาพยนตร์อนิเมชั่น  
ถัดมาเป็นที่โซนที่เหล่าผู้ใหญ่ทำได้แค่ยืนอิจฉาเพราะเป็นโซนที่จำกัดให้เฉพาะสำหรับเด็กเท่านั้น โดยจุดนี้มีชื่อว่า Children's Town เป็นเมืองจำลองขนาดเล็กที่สามารถเข้าไปเดินสำรวจได้ และ Cat Bus Room เป็นจุดที่เด็ก ๆ สามารถปีนขึ้นไปเล่นบน Cat Bus ขนาดประมาณรถกอล์ฟซึ่งออกแบบในสไตล์ patchwork ที่ดูน่ารักอบอุ่น มีโซนโทโทโร่ที่ปูพื้นด้วยผ้ากำมะหยี่แสนสบาย! จุดที่น่าเจ็บใจอีกอย่างคือทั้ง 2 โซนนี้เป็นเขตห้ามถ่ายภาพ
Part② Garden in the Sky ・ The House Below and The Little People's Garden ・ Director's Room

ถัดมาจากโซน Children's Town จะพบกับโซน Garden in the Sky ซึ่งเป็นโซนเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งของ warehouse จุดนี้จะได้พบกับหุ่นยนต์อันโด่งดังจากเรื่อง Laputa: Castle in the Sky ยืนสงบนิ่งอยู่ในซากปรักหักพังที่ปกคลุมด้วยเถาวัลย์ 
เดินถัดไปอีกเล็กน้อยจะพบกับ Director's Room ซึ่งไม่ได้หมายถึงห้องของผู้กำกับที่มีชื่อเสียงที่สุดของจิบลิอย่างฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) หรืออิซาโอะ ทาคาฮาตะ(Isao Takahata) ผู้กำกับสุสานหิ่งห้อย (Grave of the Fireflies) ผู้ล่วงลับ ที่นี่เป็นห้องจำลองฉากสำนักงานของยูบาบะจากเรื่อง Spirited Away ซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการทำงานที่แสนยุ่งเหยิงวุ่นวายท่ามกลางเอกสารสัญญาที่ลอยอยู่เต็มห้อง! 

เมื่อย้อนกลับไปทางหุ่นยนต์และเดินลงบันไดไปก็จะพบกับโซน The House Below and The Little People's Garden
เข้าสู่โลกของคนตัวจิ๋วจากเรื่อง Arrietty ในโซนนี้เราจะถูกห้อมล้อมไปด้วยดอกไม้ใบหญ้าที่สูงใหญ่ ปีนเข้าไปถ่ายภาพในโหลขนาดเท่าตัวคน แวะชมดอกแดนดิไลออนขนาดยักษ์ แอบมองเข้าไปในห้องของนักหยิบยืมและห้องของ Arrietty ที่มีดินสอและหมุดขนาดยักษ์!

เมื่อมาถึงจุดนี้ทำให้เห็นความแตกต่างของที่นี่กับ Ghibli Museum ในโตเกียวได้อย่างชัดเจน ที่ Ghibli’s Grand Warehouse หลายจุดสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดที่ให้ผู้เยี่ยมชมได้สนุกกับการเข้าไปถ่ายภาพราวกับได้เป็นส่วนหนึ่งของอนิเมชั่นเรื่องโปรด ส่วนที่ Ghibli Museum จะเน้นการชมรายละเอียดในส่วนจัดแสดง อีกทั้งสถานที่ส่วนใหญ่ยังเป็นเขตห้ามถ่ายภาพอีกด้วย
Part③ นิทรรศการพิเศษ Delicious! Animating Memorable Meals Expanded Edition และ Everything Ghibli!
จุดต่อไปที่เราแวะชมเป็นโซนห้ามถ่ายรูปอีกจุดหนึ่ง เป็นส่วนงานนิทรรศการ Delicious! Animating Memorable Meals Expanded Edition ซึ่งเป็นธีมเดียวกับที่เคยจัดแสดงGhibli Museum ในโตเกียวมาแล้ว แต่ที่นี่มันถูกยกระดับขึ้นอีกขั้น! บนผนังถูกประดับเต็มพื้นที่ด้วยภาพร่างและแผ่นเซลลูลอยด์ (celluloid) อนิเมชั่น รวมภาพฉากมื้ออาหารจากภาพยนตร์อนิเมชั่นของจิบลิ ไม่ว่าจะเป็นข้าวปั้นที่ Haku ป้อนให้ Chihiro ใน Spirited Away ไปจนถึงแซนด์วิชเค้กไส้ถั่วแดงแสนหวานจาก The Wind Rises (風立ちぬ)

ห้องต่อมาเป็นห้องจำลองฉากห้องครัว, ห้องทานข้าว และร้านอาหารที่จำลองออกมาเป็นแบบ 3 มิติขนาดเท่าของจริง แม้จะไม่สามารถถ่ายภาพได้ แต่โซนนี้ก็น่าจะไขข้อสงสัยที่ว่าอาหารที่เปลี่ยนพ่อแม่ของจิฮิโระให้กลายเป็นหมูได้มันน่ากินขนาดไหน (น่าเสียดายที่กลิ่นอาจไม่เย้ายวนใจขนาดนั้น เพราะทำจากพลาสติก) 
ส่วนนิทรรศการต่อมาคือส่วน Everything Ghibli! ส่วนนี้สามารถถ่ายภาพได้ มีห้องจัดแสดงภาพโปสเตอร์ภาพยนตร์อนิเมชั่นของจากทั่วโลก อวดเสน่ห์ของภาพยนตร์อันเป็นที่รักในระดับนานาชาติ มี Cat Bus ขนาดใหญ่ที่ผู้ใหญ่สามารถขึ้นไปนั่งถ่ายรูปบนนั้นได้ เก้าอี้รูปโทโทโร่และ Cat Bus ที่นุ่มสบาย และที่พลาดไม่ได้คือบาร์ที่มีโทโทโร่ยืนปุกปุยอยู่หลังเคาท์เตอร์
Part④ Screening Room Cinema Orion・ Open Warehouse ・ Becoming Characters in Memorable Ghibli Scenes
ทีมงาน JAPANKURU เกรงว่าส่วนจัดแสดง Becoming Characters in Memorable Ghibli Scenes ซึ่งเป็นโซนยอดนิยมน่าจะแน่นขนัดไปด้วยแฟน ๆ ที่รอถ่ายรูป เราจึงเลือกที่จะไปในส่วนของ Screening Room Cinema Orion ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับบันไดแต่งกระเบื้องโมเสคก่อน 

ภาพยนตร์สั้นที่ฉายที่ Cinema Orion เป็นเรื่องเดียวกับที่เคยฉายใน Ghibli Museum ในโตเกียว (ทั้ง 2 แห่งจะพลัดเปลี่ยนเรื่องที่ฉายเป็นระยะ ๆ โดยแต่ละเรื่องจะมีกำหนดฉายประมาณ 1 เดือน) เรื่องที่ฉายในครั้งนี้คือ Koro's Big Day Out (コロの大散歩) เป็นเรื่องราวของลูกสุนัขที่อบอุ่นหัวใจและพากย์เสียงโดยลูกสุนัขตัวจริง! (เป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับทีมงาน JAPANKURU เพราะเป็นเรื่องเดียวกับที่เคยดูที่ Ghibli Museum)
หลังนั่งพักระหว่างชมภาพยนตร์ ทางทีมงานก็เดินกลับลงไปยังชั้นล่าง วนรอบส่วน Open Warehouse ซึ่งเป็นพื้นที่จัดเก็บนิทรรศการ Ghibli เก่า ๆ ก่อนกลับไปเข้าแถวรอคิวเข้านิทรรศการ Becoming Characters in Memorable Ghibli Scenes 

ส่วนจัดแสดงนี้ออกแบบมาได้สมกับชื่อของมัน จำลองฉากจากภาพยนตร์อนิเมชั่นของ Ghibli โดยเว้นส่วนของตัวละครหลักเอาไว้เพื่อให้ผู้เข้าชมไปเป็นตัวเอกในฉากนั้น ๆ ! 
ก้าวเข้าไปในฉากสุดโด่งดังจากเรื่อง Spirited Away, Ponyo รวมไปถึง Princess Mononoke ที่นี่ไม่ได้เฉพาะฉากจากเรื่องดัง ๆ เท่านั้น แต่ยังมีฉากจากเรื่องที่แมสรองลงมาอย่าง Wind Rises หรือเรื่องที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักอย่าง Ocean Waves (海がきこえる ) อีกด้วย 

ทีมงาน JAPANKURU ค่อนข้างชอบฉากที่ให้ผู้เข้าชมสวมบทเป็น Pazu ที่รอรับ Sheeta ซึ่งลอยอยู่ในอากาศเป็นพิเศษ เมื่อถ่ายรูปออกมาก็จะได้ภาพที่เหมือนกับโปสเตอร์ภาพยนตร์เรื่อง Castle in the Sky เลยทีเดียว ถึงแม้จะต่อคิวยาวพอสมควร แต่นิทรรศการนี้ก็ไม่ได้แออัดอย่างที่ทางทีมงานกลัวในตอนแรก ดังนั้นคุณจึงสามารถวนถ่ายภาพในทุก ๆ ฉากได้ตามต้องการ!
Part⑤ Milk Stand Siberi❆An ・ Transcontinental Flight Café
หลังจากเดินตะลอนถ่ายภาพกันจนเมื่อยนิ้วแล้ว ทางทีมงานพึ่งก็ตระหนักได้ว่ามัวแต่เพลินกับการเที่ยวชมจนลืมกินข้าวเที่ยง เมื่อกระเพาะเริ่มประท้วงเราจึงตัดสินใจแวะไปหาของหวานรองท้องกันก่อน โดยมุ่งตรงไปที่ร้านขนมหวานเล็ก ๆ ชื่อว่า Milk Stand Siberi❆An ที่ตั้งอยู่ในสวนซี่งออกแบบโดยรับแรงบันดาลใจจากเรื่อง The Wind Rises ที่ร้านนี้มีเมนูให้เลือกไม่มากนัก โดยมึเมนูหลักคือ Siberi แซนวิชเค้กสอดไส้ถั่วแดง ตัวไส้ถั่วแดงมีให้เลือก 2 แบบคือไส้ถั่วแดงบดละเอียด (つぶあん) และไส้ถั่วแดงบดหยาบ (こしあん) เมนูหลักอีกอย่างคือนมที่มาในขวดแก้วสไตล์ย้อนยุคแต่งโลโก้เจ้าหญิงแมวอันเป็นตัวละครออริจินอลของ Ghibli Park นอกจากนี้ยังมีเมนูน้ำผลไม้และชาให้เลือกอีกด้วย 
จากนั้นเราก็มาต่อกันที่ร้านอาหารหลักของ Ghibli Park Grand Warehouse ที่มีชื่อว่า Transcontinental Flight Café ตัวร้านมีพื้นที่กว้างขวางและที่นั่งมากมาย ตอนที่ทีมงานมาถึงร้านเป็นช่วงบ่ายแก่ ๆ ทำให้เมนูฮิต เช่น พิซซ่าหน้าคัตสึราดซอสสไตล์นาโกย่าขายหมดไปแล้ว สำหรับคนที่กังวลว่าหากมาถึงร้านช้าจะยังมีของกินให้สั่งอยู่หรือไม่ จากที่สังเกตในวันนี้ยังมีแซนวิชน่าทานหลายเมนูให้เลือกสั่งจนถึงเวลา last order (ประมาณ 16:30) ในส่วนของราคาก็ถือว่าไม่ได้ถูกถ้าเทียบกับปริมาณ แต่ก็ไม่ได้แพงเว่อร์วังเหมือนกับอาหารที่ขายในสวนสนุก ในส่วนของรสชาติและคุณภาพต้องขอบอกว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว ทางทีมงานขอแนะนำเมนู Prosciutto Ham and Cheese Sandwich และ BLT Sandwich สำหรับคนที่มองหาเมนูพื้น ๆ ที่ทานง่าย สำหรับคนที่ทานมังสวิรัติก็มีเมนู Hummus Sandwich ที่มีครีม Hummus ที่ดีที่สุดที่เท่าที่เราเคยทานในญี่ปุ่น หรือถ้าคุณกำลังมองหาเมนูที่หาทานได้เฉพาะที่ญี่ปุ่น เราขอแนะนำเมนูแซนด์วิชสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ (นโปลิตัน)  
Part⑥ ร้าน Adventurous Flying Squadron ・ Rotunda Kazegaoka
จุดสุดท้ายที่เราแวะก่อนออกจาก Ghibli Park Grand Warehouse คือร้านกิฟต์ช้อป Adventurous Flying Squadron ภายในร้านเต็มไปด้วยสินค้าธีม Ghibli ทุกประเภท มีตั้งแต่เสื้อยืดลาย Ghibli Park, เครื่องประดับปักลาย Ponyo, ตุ๊กตา Cat Bus สไตล์ patchwork หลากขนาด, เครื่องประดับสไตล์หรูหรา เครื่องลายครามรูป Castle in the Sky หรือ My Neighbor Totoro, คุกกี้ในกระป๋องที่ตกแต่งอย่างสวยงาม, สติกเกอร์, เข็มกลัด, โปสการ์ด และอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นการจบทริปที่ Ghibli Park Grand Warehouse อย่างแฮปปี้พร้อมกระเป๋าสตางค์ที่เบาลงอย่างเห็นได้ชัด
หลังออกจาก Grand Warehouse ระหว่างทางไปขึ้นรถไฟเราก็แวะจุดสุดท้ายก่อนกลับบ้านกันที่ร้าน Rotunda Kazegaoka (ทางเข้าทางทิศเหนือ) ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ ตัวร้านไม่ได้อยู่ภายในพื้นที่ของ Ghibli Park จึงสามารถเข้าไปซื้อของได้โดยไม่ต้องมีบัตรผ่านประตู ภายในร้านจำหน่ายสินค้าทั่วไปของ Expo 2005 Aichi Commemorative Park และขนมนำเข้าที่น่าสนใจหลายอย่าง ที่นี่ยังมีสินค้าจิบลิให้ได้เก็บตกกันอีกครั้งก่อนกลับบ้าน เช่น เสื้อยืดปักลาย ทีมงานต้องกล่อมตัวเองอย่างหนักเพื่อไม่ให้เผลอใจไปซื้อหมวกฟางที่ดูคล้ายกับที่โซฟีจาก Howl's Moving Castle และ May จาก My Neighbor Totoro สวม และตัดใจขึ้นรถไฟมุ่งกลับสู่กรุงโตเกียว 
Ghibli's Grand Warehouse vs. the Ghibli Museum
ทั้งสองแห่งเป็นพื้นที่มหัศจรรย์ซึ่งอัดแน่นไปด้วยนิทรรศการที่ไม่เหมือนใครเกี่ยวกับอนิเมชั่นของ Studio Ghibli มีโรงฉายภาพยนตร์สั้น, Cat Bus และร้านขายของที่ระลึกที่เต็มไปด้วยสิ่งยั่วยวน ถ้าอย่างนั้นอะไรคือความแตกต่างระหว่าง Ghibli Museum ในโตเกียวและ Ghibli Park Grand Warehouse ในนาโกย่า? มันคุ้มค่าที่จะเดินทางไปยังภาคกลางของญี่ปุ่นเพื่อชม Ghibli Park หรือไม่? 

ก่อนอื่นเรามาพิจารณาจากปัจจัยง่าย ๆ 2 ข้อกันก่อน
① ขนาด: Ghibli Museum เป็นอาคารเดี่ยวตั้งอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งชานเมืองโตเกียว เป็นอาคารขนาดกะทัดรัดและมีบรรยากาศสบาย ๆ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สัมผัสได้ว่าทุก ๆ พื้นที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ด้วยความรัก ส่วน Grand Warehouse ตั้งอยู่บนพื้นที่ครึ่งหนึ่งของศูนย์การประชุมเดิม ดังนั้นจึงมีพื้นที่สำหรับจัดแสดงได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังห้อมล้อมไปด้วยจุดท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ของ Ghibli Park ให้ได้เดินเที่ยวกันจนหมดวัน

② เนื้อหาการจัดแสดง: Ghibli Museum จะเน้นการจัดแสดงเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ของสตูดิโอจิบลิ พื้นที่โดยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ห้ามถ่ายภาพ มีห้องจัดแสดงที่พาผู้ชมไปสัมผัสกับโลกแห่งการสร้างอนิเมชั่น เที่ยวชมโต๊ะทำงานและบรรยากาศการทำงานของสตูโอจิบลิ และมีนิทรรศการที่หมุนเวียนจัดตลอดปี ส่วน Ghibli Park เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสายถ่ายภาพ เฉพาะที่ Grand Warehouse ก็เต็มไปด้วยจุดถ่ายภาพมากมายที่รอให้ผู้เข้าชมเข้าไปสวมบทบาทเป็นตัวเอกในอนิเมชั่นเรื่องโปรดแล้วถ่ายภาพที่ระลึก

อาจจะต้องลองถามตัวเองดูว่าอะไรที่จะตอบโจทย์ของคุณมากกว่าระหว่างพิพิธภัณฑ์กับธีมพาร์ค? หรือถ้าหากยังลังเลอยู่ สามารถเข้าไปดูข้อมูลเปรียบเทียบเพิ่มเติมได้จากบทความ Ghibli Museum vs. Ghibli’s Grand Warehouse ไปที่ไหนดีนะ?
เส้นทางการเดินชม Ghibli Park ที่สมบูรณ์แบบ & ข้อแนะนำสำหรับการเดินเที่ยว
หากดูแผนที่ของ Ghibli's Grand Warehouse จะสังเกตได้ทันทีว่าทีมงาน JAPANKURU เดินเที่ยวโดยไม่ได้วางแผนการเดินชมเป็นพิเศษ เพียงแต่เดินเข้าไปหาสิ่งที่น่าสนใจซึ่งดึงดูดสายตาของเราก่อน ทำให้เราเดินผ่านจุดเดิมครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยเส้นทางที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี เพราะกลายเป็นว่ามันทำให้เราได้เดินดูสถานที่เดิมในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป หากคุณวางแผนท่องเที่ยวไว้อย่างหลวม ๆ และสามารถใช้เวลาเดินเที่ยวใน Grand Warehouse ได้ตลอดวันแล้วล่ะก็ การลองเดินไปตามใจอยากและค่อย ๆ ซึมซับรายละเอียดที่แฝงอยู่ในส่วนจัดแสดงก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่อยากแนะนำ

แล้วควรไปจุดไหนเป็นที่แรก? ด้วยเนื้อหาการจัดแสดงของแต่ละโซนที่แยกกันเป็นเอกเทศทำให้เราสามารถเลือกลำดับการเดินได้อย่างอิสระ แม้ว่าแถวของโซน Becoming Characters in Memorable Ghibli Scenes จะขยับค่อนข้างเร็ว แต่ก็ยาวตลอดทั้งวัน เราจึงไม่แนะนำให้ไปที่จุดนี้เป็นที่แรก แล้วถ้าคุณไม่อยากพลาดเมนูแซนวิชและพิซซ่าท็อปปิ้งสุดฮิตที่คาเฟ่ เราขอแนะนำให้คุณเข้าไปที่ร้านอาหารเป็นที่แรกเพื่อใช้เวลานั่งทานข้าวกลางวันพลางลองวางแผนว่าจะไปจุดไหนต่อดี และอย่าลืมพกเพาเวอร์แบงค์ไปชาร์จมือถือที่แบตไหลอย่างรวดเร็วจากการลงรูปรัว ๆ ในโซเชียลมีเดียด้วยล่ะ ! 


ติดตามเรื่องราว ข้อมูล และข่าวสารส่งตรงจากญี่ปุ่นกับ Japankuru ได้ทาง Twitter และ Facebook!
Comment
POST
Related Article
ถาม-ตอบ
  • PARTNERS