ทั้งกินและเที่ยว ครบจบที่เดียวที่ฮิโรชิม่า - JAPANKURU Let’s share our Japanese Stories!

แนะนำทริปฮิโรชิม่า

ด้วยประวัติศาสตร์ที่สำคัญของฮิโรชิม่า ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวที่นี่กันอย่างคับคั่ง มีสถานที่ให้ท่องเที่ยวมากมาย เป็นหนึ่งในสามสถานที่ท่องเที่ยวที่มีวิวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น อาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อ และเมื่อมาถึงที่แล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะศึกษาถึงประวัติศาตร์ของเมืองนี้เพื่อให้เข้าใจถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นนั้น พร้อมแล้วเก็บกระเป๋าเตรียมตัวไปเที่ยวกับเราได้เลย

จุดเช็คอิน จุดที่ 1 ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine)

ประตูโทริอิ ศาลเจ้าอิสึคุชิมะนั้นมีประวัติที่ยาวนาน มีการสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1168 ซึ่งประตูที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นเวอร์ชั่นที่ 8 มีอายุกว่า 150 ปี และได้รับการคัดเลือกจากนักวิชาการในสมัยเอโดะว่า เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีทัศนียภาพสวยที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ซึ่งในปัจจุบันก็ยังเป็นที่ที่นิยมสำหรับการมาท่องเที่ยว ประตูโทริอินั้นตั้งอยู่ห่างจากทางเข้าของศาลเจ้า เพื่อแยกดินแดนของเทพเจ้าและโลกมนุษย์ออกจากกัน นอกจากนี้ศาลเจ้าอิสึคุชิมะยังถูกสร้างขึ้นเพื่อออุทิศแก่เทพเจ้าแห่งท้องทะเล จึงจำเป็นต้องสร้างประตูโทริอิไว้กลางน้ำ

วิธีไปศาลเจ้าอิสึคุชิมะ

ศาลเจ้าอิสึคุชิมะตั้งอยู่ที่เกาะมิยาจิมะ ห่างจากสถานีรถไฟฮิโรชิม่าประมาณ 1 ชั่วโมง

เมื่อถึงสถานีที่อยู่บนเกาะหลัก ต้องต่อเรือเพื่อไปยังเกาะมิยาจิมะ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ซึ่งเรือที่ให้บริการนั้นมีอยู่ 2 เจ้าหลัก คือ Miyajima Matsudai และ JR West Miyajima สามารถเช็คเวลาได้จากตารางเดินเรือ (ทั้งสองบริษัทมีให้บริการค่อนข้างถี่) จากนันก็ซื้อตั๋ว (ราคา 180 เยนเท่ากันทั้งสองเจ้า) และก็เดินไปขึ้นเรือได้เลย

ที่เกาะนอกจากจะได้ชมประตูสีแดงของศาลเจ้าแล้ว ก็จะเจอกับกวางที่แสนจะเป็นมิตรกับผู้คน สามารถเข้าไปถ่ายรูปกับน้องๆได้ตามสบาย แต่!มีกฎอยู่อย่างหนึ่งคือ ห้ามให้อาหารน้องๆเด็ดขาด

น้องกวางน่ารักมาก เชื่องสุดๆ แต่เพื่อสุขภาพที่ดีของน้องๆ อย่าเอาอะไรให้น้องๆกินจะดีกว่านะ
หากท้องเริ่มร้องบริเวณ Kiyomori Dori มีร้านขายขนมและของฝาก ซื้อขนมกินรองท้องก่อนเข้าไปข้างในกัน

เวลาน้ำขึ้นประตูนี้ก็จะดูเหมือนลอยอยู่บนน้ำ จึงได้ชื่อเล่นว่า “โทริอิลอยน้ำ” ส่วนเวลาน้ำลงนั้นสามารถเดินเข้าไปชมได้ใกล้ๆ ซุ้มประตูโทริอินี้ทำมาจากต้นยูคาลิปตัสตามธรรมชาติ ซึ่งทนต่อการเน่าเสีย ส่วนด้านบนนั้นเป็นหินน้ำหนัก 7 ตัน แม้ว่าประตูจะไม่ได้ฝังลงไปลึกมาก แต่ด้วยความหนักของหิน ทำให้มันมั่งคง ไม่ว่าจะแผ่นดินไหวหรือพายุไต้ฝุ่น ก็ไม่สามารถล้มลงได้

จุดเช็คอิน จุดที่ 2 สวนอนุสรณ์สันติภาพ (Hiroshima Peace Memorial Park)

เวลา 8:15น. ของวันที่ 6 สิงหาคม 1945 เครื่องบินทิ้งระเบิด B29 ของกองทัพอากาศของอเมริกาได้ปล่อยระเบิดปรมาณูลูกแรก “Little Boy” ใส่เมืองฮิโรชิม่า ถือเป็นวันที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์โลก เมืองฮิโรชิม่าถูกทำลายเกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก

โดมระเบิดปรมาณูเป็นอาคารที่อยู่บริเวณจุดศูนย์กลางของการระเบิด และอยู่ใต้จุดระเบิดจึงทำให้โครงสร้างของอาคารยังคงอยู่ แต่เดิมนั้นเป็นบริเวณนี้เป็นหอประชุมส่งเสริมอุตสาหกรรมจังหวัดฮิโรชิม่า ต่อมาในปัจจุบันที่นี่เป็นอนุสรณ์สถาน และถูกยกให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
ที่พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า (The peace memorial museum) มีการแสดงให้เห็นถึงตำแหน่งการระเบิดและบริเวณที่ถูกทำลาย ในรูปแบบของภาพ และโมเดล

ทั้งสวน โดมระเบิดปรมาณู และพิพิธภัณฑ์ เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ น่ากลัว และรู้สึกหดหู่ในเวลาเดียวกัน หากมีเวลาลองมาเดินเล่นที่นี่สัก 2-3 ชั่วโมง มันอาจทำให้เราได้เห็นภาพในอดีต สะท้อนหลายสิ่งหลายอย่าง และอยากที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างเพื่อให้โลกเกิดความสงบสุขขึ้นมาก็ได้

เมนูต้องลอง 1 หอยนางรมและเลมอน ของขึ้นชื่อจ.ฮิโรชิม่า

รู้หรือไม่ว่าอาหารขึ้นชื่อของฮิโรชิม่าคือ “หอยนางรมและเลมอน” หอยสดๆกับเลมอนเปรี้ยวๆมันเข้ากันได้ดีเหลือเกิน ยิ่งถ้าได้ไปศาลเจ้าอิสึคุชิมะ ที่มิยาจิมะแล้วละก็ จะเห็นร้านขายหอยนางรมเสียบไม้เต็มไปหมด

หอยนางรมย่างทั้งเปลือก
หอยนางรมเสียบไม้ย่าง

จังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่อง หอยนางรมอร่อย ของญี่ปุ่นมี 3 ที่ คือ ฮอกไกโด เซ็นได(มิยางิ) และฮิโรชิม่า แม้จะไม่ได้ขึ้นไปเที่ยวทางเหนือ แต่ก็มากินหอยนางรมอร่อยๆได้ที่ฮิโรชิม่า

อีกอย่างที่ขึ้นชื่อก็คือ “เลมอน” เพราะฮิโรชิม่าเป็นจังหวัดที่ผลิตเลมอนเป็นอันดับ 1 ในญี่ปุ่น โดยเฉพาะเลมอนในบริเวณทะเลเซโตะใน (Seto Inland Sea) นั้นเป็นที่รู้จักกันทั่วญี่ปุ่น โดยเฉพาะเมนูเลมอนโซดา หวานอมเปรี้ยว ยิ่งได้กินในวันที่อากาศร้อนๆก็สดชื่นสุดๆ หรือแม้แต่วันที่อากาศเย็นก็อร่อยไม่แพ้กัน

เมนูต้องลอง 2 โอโคโนมิยากิสไตล์ฮิโรชิม่า

แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะรู้จักโอโคโนมิยากิสไตล์โอซาก้ามากกว่า แต่ความอร่อยนั้นสไตล์ฮิโรชิม่าก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย ส่วนผสมของทั้งสองสไตล์นั้นคล้ายๆกัน แต่สไตล์ฮิโรชิม่าจะมีลักษณะพิเศษบางอย่างที่ถูกใจชาวญี่ปุ่นหลายคน

สไตล์โฮซาก้าจะผสมทุกอย่างเข้ากันหมด เพื่อให้ทุกอย่างเกาะติดกัน แต่สไตล์ฮิโรชิม่านั้นจะมีไส้ที่เป็นเส้นบะหมี่เพิ่มเข้ามาด้วย ซึ่งเป็นแบบที่หาไม่ได้ในสไตล์โอซาก้าแน่นอน

เมนูต้องลอง 3 ปลาไหลอะนะโกะ

อีกเมนูที่น่าลองก็คือ ปลาไหลอะนะโกะ หรือปลาไหลทะเล โดยปกติแล้วเรามักจะพบเมนูที่ทำมาจากปลาไหลน้ำจืดอย่าง อุนากิ มากกว่า แต่ปลาไหลทะเลนั้นก็อร่อยไม่แพ้กัน ยิ่งถ้าได้ชิมข้าวหน้าปลาไหลย่างที่ชุ่มช่ำไปด้วยซอสแล้วละก็ เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

เมนูต้องลอง 4 ราเมนทันตัมเมนแห้ง (Soupless DanDan Noodles, 担々麺)

ทันตัมเมน เป็นเมนูที่พบได้ทั่วไปตามร้านราเมนในญี่ปุ่น แต่ที่ฮิโรชิม่านั้นเป็นทันตัมเมนแห้ง บะหมี่ราดด้วยหมูสับปรุงรสด้วยเครื่องเทศ มีความเผ็ดเล็กน้อย โรยหน้าด้วยต้นหอม อีกหนึ่งเมนูเด็ดของฮิโรชิม่า

เมนูต้องลอง 5 มันจูรูปใบเมเปิ้ล (โมมิจิมันจู, Momiji Manju)

ขนมมันจูรูปทรงใบเมเปิ้ลไส้ถั่วแดง (และอีกหลายไส้) พร้อมตราประทับรูปซุ้มประตูโทริอิ ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ เหมาะกับการเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับไป

ฮิโรชิม่า วิวสวย อาหารอร่อย

ลิสต์ที่เรานำมาฝากกันวันนี้ น่าจะทำให้ใครหลายคนสนใจอยากไปเที่ยวฮิโรชิม่ากันไม่มากก็น้อย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ ทางวัฒนธรรม และอาหารอร่อยมากมายในฮิโรชิม่า

โอโคโนมิยากิสไตล์ฮิโรชิม่าน่ากินใช่มั้ยหละ ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ได้อยู่ฮิโรชิม่า แต่ไม่ต้องเสียใจไปเพราะที่โตเกียวในย่าน Shinjuku ก็มีโอโคโนมิยากิอร่อยๆให้ชิมเหมือนกัน หรือหากอยู่โอซาก้าก็ต้องไปลองชิมโอโคโนมิยากิย่าน Umeda

ติดตามข่าวอัพเดตจาก Japankuru ได้ทาง facebook และ twitter