ผ้าไหมเท็นซัน แห่งเมืองอะซุมิโนะ - ผ้าไหมที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น

Chubu Tour อะซุมิโนะ 2021.04.01
เรียนรู้เกียวกับผ้าไหมญี่ปุ่นที่ Azumino Tensan Center ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการช้อปปิ้งผ้าไหมเป็นของฝาก
ผ้าไหมเท็นซัน เมืองอะซุมิโนะ เท็นซัน คืออะไร?

เท็นซัน คือผ้าไหมประเภทหนึ่งของญี่ปุ่น ขึ้นชื่อเรื่องความมันวาว ยืดหยุ่น และสีเขียวอ่อนๆที่ดูเป็นธรรมชาติของไหม ชื่อของผ้าไหมเท็นซัน (天蚕) นั้นหมายถึง “ไหมสวรรค์” ทำให้หนอนไหมที่เลี้ยงในบริเวณเจแปนแอลป์จึงมีชื่อเล่นว่า “เพดานแห่งญี่ปุ่น” ประวัติของวัฒนธรรมเท็นซันนั้นต้องย้อนกลับไปในช่วงปี 1780 ในช่วงที่ชาวบ้านในเมืองอะซุมิโนะ จังหวัดนากาโนะ เริ่มเลี้ยงหนอนไหม โดยปกติแล้วหนอนไหมจะกินพวกมัลเบอร์รี่เป็นอาหาร แต่หนอนไหมเท็นซันกินใบโอ๊คเป็นอาหารและเจริญเติบโตได้ดีในเขตอะซุมิโนะ ในช่วงปี 1850 ชาวบ้านได้เริ่มผลิตด้ายเท็นซันขึ้น แม้ว่าจะมีอุปสรรคเกิดขึ้นบ้าง แต่ในปัจจุบันก็มีฟาร์มเลี้ยงหนอนไหมหายากนี้ประมาณ 100 แห่งในจังหวัดนากาโนะ หากคุณกำลังมองหาของฝากจากญี่ปุ่นที่ไม่เหมือนใคร เป็นผลิตภัณฑ์งานฝีมือที่ทำจากชาวบ้านในท้องถิ่น ต้องเป็นผ้าไหมเท็นซัน

และสถานที่ที่เราจะไปเรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบอันมีเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นกันก็คือ Azumino Tensan Center (บ้างเรียกว่า Tensan Silk Museum) ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางป่าในจังหวัดนากาโนะ
Azumino Tensan Center เป็นทั้งพิพิธภัณฑ์ที่สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงไหมเท็นซัน การสาวไหม เป็นโรงเรียนสอนการทอผ้า ที่นักเรียนสามารถฝึกการใช้กี่ทอผ้า ในการทอผ้าไหมเท็นซัน (เราสามารถไปทดลองทอผ้าเองได้ด้วย!) และเป็นสถานที่จัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากผ้าไหมเท็นซันอันแสนหรูหรา ที่สามารถซื้อกลับไปได้และชมผ้าไหมที่มีคุณค่ามากเกินกว่าจะนำมาขายได้ หากคุณสนใจวัฒนธรรมญี่ปุ่น แฟชั่นญี่ปุ่นสมัยโบราณ งานฝีมือ การทอผ้า สิ่งทอ แมลง หรือแม้แต่ของสวยงาม ต้องไม่พลาดที่ Tensan Center
เยี่ยมชม Azumino Tensan Center
การได้มาเยี่ยมชมที่ Tensan Center จะได้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไหมเท็นซัน โดยเฉพาะหากคุณได้พบกับคุณ Tadashi Taguchi ประธานคณะกรรมการส่งเสริมการขายของเท็นซัน ผ้าไหมเท็นซันเป็นผ้าไหมคุณภาพดี ไหมแต่ละเส้นถูกดึงออมาจากรังไหมที่ผ่านการต้มแล้วอย่างระมัดระวัง ซึ่งมีความเงางามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยิ่งเมื่อนำมาทอเป็นผ้า ก็จะได้เป็นผ้าที่เงางาม จนถูกเรียกว่า “เพชรแห่งสิ่งทอ” นอกจากนี้โครงสร้างของไหมเท็นซังมีลักษณะกลวง ซึ่งช่วยกักเก็บความร้อน แต่มีความแข็งแรงและยืดหยุ่นเป็นพิเศษ ที่ไม่เหมือนผ้าไหมชนิดอื่น สำหรับราคาของผ้าไหมเท็นซังนั้นจะอยู่ที่ 700,000 - 1,000,000 เยน/กิโลกรัม (ประมาณ 200,000 - 300,000 บาท/กิโลกรัม) ในขณะที่ราคาของผ้าไหมทั่วไปราคาประมาณ 20,000 เยน/กิโลกรัม (ประมาณ 5,700 บาท/กิโลกรัม)
ภายใน Tensan Center นั้นมีการจัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับผ้าไหมเท็นซัน เรื่องราวของหนอนไหมเท็นซัน หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ยามามายุ (ヤママユ) (ชื่อวิทยาศาสตร์ Antheraea yamamai) ตัวไหมเหล่านี้เกี่ยวข้องกับตัวไหมชนิดอื่นๆ ที่ผลิตไหมป่าในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ไหมเท็นซันนั้นมีต้นกำเนิดอยู่ที่ญี่ปุ่น!
ที่ Tensan Center จะเพาะเลี้ยงไหมในตะกร้า และให้พวกมันกินใบโอ๊คที่ได้มาจากบริเวณนี้ เมื่อถึงฤดูกาลที่เหมาะสม เราสามารถมองเห็นตัวไหมได้ แม้ว่าพวกมันจะชอบซ่อนตัวอยู่ใต้ใบไม้ก็ตาม จากนั้นก็จะนำรังไหมมาต้ม และสาวไหมออกมาเป็นเส้น เพื่อนำมาทอเป็นผ้าไหมเท็นซันต่อไป รังไหมที่ไม่มีตำหนิจะเป็นที่ต้องการมากที่สุด แต่รังไหมที่ไม่สมบูรณ์ก็จะไม่ทิ้งเปล่า เพราะเส้นใยบางส่วนจะมีลักษณะฟูเป็น silk wool บางส่วนนำไปปั่นให้เส้นหนาขึ้น และรังไหมบางส่วนก็จะส่งไปยังแบรนด์ต่างๆ เช่น Shiseido เพื่อนำไปใช้เป็นสารสกัดในการทำผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม
ด้วยความที่มีความเงางามมาก (และราคาสูงมาก) ผ้าไหมเท็นซังจึงมักนำไปใช้ในการตกแต่ง รวมถึงชุดกิโมโนผ้าไหมระดับไฮเอนด์ ที่ Tensan Center มีการจัดแสดงชุดกิโมโน ที่เป็นสมบัติหายากในกล่องแก้ว ชุดกิโมโนชุดนี้ทำจากผ้าไหมเท็นซัน 100% ภาพถ่ายอาจไม่เห็นถึงความสวยงามและรายละเอียดของเนื้อผ้าได้ดีนัก เราจึงอยากแนะนำให้คุณได้ลองไปเห็นด้วยตาของคุณเอง

กี่ทอผ้าไหมเท็นซัน

นอกจากเพาะเลี้ยงและจัดแสดงผ้าไหมแล้ว Tensan Center ยังจัดเวิร์คช็อปทอผ้าไหมเท็นซัน ให้กับผู้ที่สนใจได้เข้าชมวิธีการทอผ้าไหมเท็นซันโดยใช้กี่ทอผ้า คุณสมบัติอย่างหนึ่งของเส้นใยเท็นซันคือ ความยืดหยุ่น ซึ่งความยืดหยุ่นของเส้นไหมนี้เองทำให้การทอต้องใช้กี่ทอผ้าแบบโบราณเท่านั้น ไม่สามารถใช้กี่ทอผ้าแบบไฟฟ้าได้ เราจะเห็นภาพของช่างทอผ้าที่นั่งอยู่บนกี่ทอผ้าขนาดใหญ่ ค่อยๆทอผ้าอย่างคล่องแคล่วและพิถีพิถัน 

การทอผ้าไหมเท็นซันต้องอาศัยทักษะและความชำนาญเป็นอย่างมาก ทำให้ที่นี่ขาดแคลนช่างทอผ้าที่มีทักษะ ดังนั้นภารกิจหนึ่งของ Tensan Center ก็คือ การสนับสนุนการเติบโตของช่างฝีมือทอผ้าไหมเท็นซัน จากหลักสูตรการเรียนเฉพาะของเท็นซัน มีนักเรียนจากทั่วญี่ปุ่นมายังศูนย์เพื่อเรียนรู้วิธีการทอผ้า บนเครื่องทอขนาดใหญ่ที่มีเส้นด้ายหลายสิบเส้น ภาพด้านบนเป็นนักเรียนที่มาจากจังหวัดโอกินาว่าเมื่อปีก่อนเพื่อเรียนรู้กาทอผ้าไหมที่ Tensan Center
ใช้เวลาเกือบสองเดือน หรือโดยเฉลี่ยประมาณ 50 วัน ในการฝึกฝนช่างทอผ้า ในการทำ "Tanmono" ซึ่งเป็นจำนวนผ้าที่ใช้ในการทำชุดกิโมโน

ในระหว่างการเข้าชม อาจสังเกตเห็นช่างทอผ้ากำลังย้อมเส้นไหม ซึ่งนั่นไม่ใช่ไหมป่าเท็นซัน แต่เป็นไหมแบบธรรมดา เนื่องจากไหมเท็นซันนั้นไม่เหมาะกับการย้อม จึงยังคงรักษาไว้ซึ่งสีเขียวอ่อนแบบธรรมชาติเอาไว้
และแน่นอนว่าคุณก็สามารถลองทอผ้าที่ Tensan Center ได้ โดยที่ไม่ต้องฝึกฝนยาวนานหลายปี เช่นการทอผ้าชิ้นเล็กๆ อย่างที่รองแก้ว แทนที่จะทอเป็นกิโมโนชิ้นใหญ่ๆ ทีม Japankuru ได้ทดลองทำที่รองแก้วด้วยตัวเอง และนำกลับไปเป็นของที่ระลึกกันทุกคน
หลังจากที่ใช้เวลาทั้งวันชื่นชมผ้าไหมเท็นซัน ก็อยากจะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับบ้านกันบ้าง ที่ร้านขายของที่ Tensan Center สินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่พวงกุญแจน่ารักๆ เครื่องประดับที่ทำจากรังไหมที่ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการ เนคไทผ้าไหม ผ้าพันคอผ้าไหม

และถ้าหากมีเด็กๆไปด้วย พวกเขาต้องตกหลุมรักมาสคอตของที่นี่ กับตัวหนอนไหมตัวอวบ สีเขียว หน้าตาน่ารัก ที่ออกแบบโดยพนักงานของศูนย์ฯ ซึ่งสามารถซื้อเป็นแฟ้ม หรือเสื้อยืดพร้อมลายน่ารักๆกลับไปเป็นที่ระลึกได้อีกด้วย
Azumino Tensan Center เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และเดินทางได้ไม่ยาก หากครั้งหน้ามีโอกาสไปแถวนี้อย่าลืมแวะเข้าไปชมหนอนไหมตัวเล็กๆ ที่เกาะอยู่บนใบโอ๊ค ทดลองทอผ้า และชมผ้าไหมจากฝีมืออันปราณีตของช่างทอผ้า

Azumino Tensan Center
3618-24 Hotakaariake, Azumino, Nagano​
เวลาเปิดปิด
 เมษายน - ตุลาคม : 9:00 - 17:00
 พฤศจิกายน - มีนาคม 9:00 - 15:00
เข้าชมฟรี!
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ)
ทริปในเมืองอะซุมิโนะ

ปราสาทมัตสึโมโต้ (Matsumoto Castle)

อยากไปเที่ยวที่ Tensan Center แล้ว แต่ยังไม่มีแพลนเที่ยวนากาโนะที่อื่นใช่มั้ย? หากคุณมีโอกาสไปยังอะซุมิโนะ ก็ต้องผ่านเมืองมัตสึโมโต้ เราจึงขอแนะนำให้เริ่มที่ปราสาทมัตสึโมโต้! ปราสาทแห่งนี้เป็นหนึ่งในปราสาทไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน มีการสร้างใหม่หลายครั้ง และอาคารปัจจุบันก็ได้ปรับปรุงล่าสุดเมื่อปี 1594 ที่มีการตกแต่งภายในเป็นไม้ และด้านนอกเป็นหิน ในสมัยนั้นเป็นที่พักของ ซามูไรที่มีชื่อเสียงอย่าง โทกุกาว่า อิเอยาสุ

ในปัจจุบันสามารถปีนขึ้นบันไดที่มีความสูงพิเศษ สัมผัสถึงประวัติศาสตร์ผ่านฝ่าเท้า (และได้ออกกำลังขาเป็นอย่างดี!) จากด้านบนของหอคอยที่สูงที่สุด คุณจะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของบริเวณโดยรอบโดยเฉพาะภูเขาในระยะไกล ซึ่งในอดีตนั้นสร้างขึ้นเพื่อเฝ้าระวัง โดยสามารถมองเห็นศัตรูที่เข้ามาได้จากระยะไกลได้ ดังนั้นเมืองมัตสึโมโตะจึงมีกฎหมายห้ามไม่ให้มีอาคารสูงในบริเวณใกล้เคียง

ปราสาทมัตสึโมโต้ (Matsumoto Castle (松本城))
4-1 Marunouchi, Matsumoto, Nagano
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ)

EH Sake Brewery

ชื่อของ EH Sake Brewery อาจฟังดูไม่คุ้นหู แต่จริงๆแล้วโรงกลั่นสาเกแห่งนี้ ทำสาเกมาตั้งแต่ช่วงปลายยุคเอโดะ (ปีค.ศ. 1603-1868) โดยสาเกส่วนใหญ่จะใช้ชื่อว่า ซุยเอ็น (Suien, 酔園) ในปี 2002 ซุยเอ็นถูกบริษัทขนาดใหญ่ซื้อไป จึงได้ชื่อว่า EH แทน แต่ก็ยังใช้วิธีการผลิต การกลั่นสาเกแบบดั้งเดิม โดยใช้น้ำสะอาดที่มาจาเมืองอะซุมิโนะ
หากคุณชื่นชอบเหล้าสาเก และอยากดูวิธีการผลิต สามารถเข้าเยี่ยมชมโรงงาน และดูกระบวนการผลิตสาเกได้ ซึ่งจะเห็นถังขนาดใหญ่ วิธีการหมักสาเก หลังจากนั้นก็จะเป็นการลองชิมสาเก ในห้องที่ตกแต่งด้วยกระจกสี และขวดเหล้าที่ได้เลือกสรรมาแล้ว ซึ่งหนึ่งในสาเกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ โอโตโคะ โนะ นามิดะ (男の涙) หรือ น้ำตาลูกผู้ชาย

EH Sake Brewery (EH酒造)
1090-1 Toyoshinatakibe, Azumino, Nagano
Official Website (jp)

Daio Wasabi Farm ฟาร์มวาซาบิในอะซุมิโนะ

ผ้าไหมเท็นซันเป็นผ้าไหมสีเขียว เป็นที่นิยม และผลิตได้ยาก ซึ่งคล้ายกับผลิตผลท้องถิ่นของอะซุมิโนะอย่าง วาซาบิ! อะซุมิโนะเป็นที่ตั้งของฟาร์มวาซาบิจำนวนมาก เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องการผลิตวาซาบิคุณภาพสูง รวมทั้งฟาร์มวาซาบิที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่าง Daio Wasabi หากคุณเป็นคนชอบวาซาบิ สามารถค่อยๆแวะชมฟาร์มวาซาบิในอะซุมิโนะ โดยนักท่องเที่ยวส่วนมากนิยมไปยังฟาร์ม Daio Wasabi ในช่วงบ่าย ที่ที่คุณสามารถเดินเล่นแถวต้นวาซาบิ ชิมเมนูที่ทำจากวาซาบิ ทั้งแกงกะหรี่วาซาบิ โครเกต์มันฝรั่งวาซาบิ หรือแม้กระทั่งไอศครีมวาซาบิ! 

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวาซาบิที่ปลูกในอะซุมิโนะได้จากวิดีโอด้านบน

Daio Wasabi Farm (大王わさび農場)
3640 Hotaka, Azumino, Nagano
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) 
 

ชมความงามของเมืองอะซุมิโนะด้วยตาของคุณเอง

ยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะของเจแปนแอลป์ ป่าต้นโอ๊ค ชาวบ้านในเมืองอะซุมิโนะมักพูดถึงความดีงามของธรรมชาติของเมืองครั้งแล้วครั้งเล่า ความอุดมสมบูรณ์เหล่านี้เอง ที่ทำให้ที่นี่มีหนอนไหมเท็นซันเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี 


ติดตามเรื่องราวจากญี่ปุ่น และบทความใหม่ๆจาก Japankuru ได้ทาง Facebook และ Twitter!
Comment
POST
Related Article
ถาม-ตอบ
  • PARTNERS