บันทึกความทรงจำหน้าร้อนในญี่ปุ่น : รีวิวปีนเขาสึคุบะ

Kanto Tour Kanto 2023.08.17
หากพูดถึงกิจกรรมยอดฮิตในช่วงหน้าร้อนของคนญี่ปุ่นหนึ่งในนั้นก็คือการหลบร้อนไปปีนเขา เที่ยวชมธรรมชาติที่เขียวชอุ่มเต็มที่ในฤดูกาลนี้ ในช่วงวันหยุดหน้าร้อนปีนี้ผู้เขียนก็ได้มีโอกาสไปลองปีนเขาในญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกกับเค้าบ้าง เลยจะมาแชร์ประสบการณ์กันค่ะ
เขาสึคุบะดียังไง
  • วันนี้เราจะพาไปเที่ยวเขาสึคุบะในจังหวัดอิบารากิซี่งอยู่ไม่ใกล้จากโตเกียว เป็นหนึ่งในภูเขาแนะนำอันดับต้น ๆ สำหรับมือใหม่หัดเดินเขา มีเส้นทางการเดินให้เลือกหลายคอร์ส ทั้งแบบสั้นและแบบยาว ระหว่างทางก็มีแมกไม้อุดมสมบูรณ์ให้ชื่นชม แต่ถ้าไม่ถนัดเดินจริง ๆ ก็มีเคเบิลคาร์และโรปเวย์ให้บริการพาขึ้นลงเขาด้วย
  • ภูเขาสึคุบะมียอดเขาแฝดคือภูเขานันไต สูงประมาณ 871 เมตรและภูเขาเนียวไต สูงประมาณ 877เมตร (โตเกียวสกายทรีสูง 643 เมตร) เรื่องความสวยงามก็เรียกว่าไม่เป็นรองใคร ที่ญี่ปุ่นมีคำกล่าวแต่โบราณว่า"ฟูจิแห่งตะวันตก สึคุบะแห่งตะวันออก" แสดงให้เห็นว่าเขาสึคุบะได้รับการยอมรับว่ามีความสวยงามเทียบเคียงกับภูเขาไฟฟูจิกันเลยทีเดียว 
  • ถึงจะบอกว่าอยู่ในจังหวัดอิบารากิ แต่จริง ๆ แล้วก็อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก เดินทางได้ง่าย ๆ ด้วยรถไฟสายตรงจากอากิฮาบาระโดยใช้เวลาแค่ประมาณ 45 นาที หรือจะขับรถส่วนตัวขึ้นทางด่วนมาก็ได้
รีวิวประสบการณ์การพิชิตยอดเขา
  • เขาสึคุบะมีคอร์สการเดินให้เลือกหลากหลายเส้นทาง ระยะเวลาและระยะทางก็จะแตกต่างกันไป เส้นทางที่เลือกใช้ในครั้งนี้เป็นคอร์สที่ชื่อว่า Miyukigahara Trail (御幸ヶ原コース) ถ้าดูจากแผนที่จะใช้เวลาปีนประมาณ 90 นาที เริ่มออกเดินทางจากจุดสตาร์ทประมาณ 9.20 น.
  • ทางเดินก็จะหลากหลายรูปแบบ มีทั้งทางที่ทำเป็นขั้นบันไดอย่างดีสลับกับทางเดินธรรมชาติที่เป็นเนินดินและกลุ่มโขดหิน วันที่ไปปีนเขามีพื้นดินบางส่วนที่ชื้นและลื่นอยู่ ก็จะมีคนญี่ปุ่นที่เดินสวนมาคอยเตือนเป็นระยะ ๆ ว่าระวังพื้นลื่นนะ ซึ่งก็มีจังหวะที่ขาลื่นอยู่บ้างแต่ก็ยังไม่ถึงกับล้มค่ะ
  • จุดเด่นอย่างหนึ่งของเส้นทาง Miyukigahara Trail คือจะเดินไปตามแนวเดียวกับเคเบิลคาร์ ถ้าจังหวะดี ๆ ก็อาจจะสามารถถ่ายภาพเคเบิลคาร์วิ่งสวนกันได้ด้วยนะ
  • ระหว่างทางก็จะมีเก้าอี้และจุดแวะให้นั่งพักเป็นระยะ ๆ ด้านในจุดพักนี้มีสมุดโน๊ตให้เขียนข้อความที่ระลึกด้วย
  • ระหว่างทางมีหินรูปหัวใจอยู่ด้วยหล่ะ

    ธรรมเนียมระหว่างการปีนเขาอย่างนึงที่น่ารักของคนญี่ปุ่นคือจะมีการทักทายกับคนที่เดินสวนกันตลอดทางเลยค่ะ ถ้าเดินสวนกับคนกลุ่มใหญ่ก็ “คอนนิจิวะ” กันไปรัว ๆ (หัวเราะ) แล้วก็จะมีการคอยดูคอยหลบเพื่อให้อีกฝ่ายเดินได้สะดวก 

    พอเดินไปถึงใกล้ยอดเขา ก็มีคนที่สวนมาให้กำลังใจว่าจะถึงแล้ว อีกนิดเดียว เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นดีค่ะ
  • ในที่สุดก็เดินขึ้นมาถึงยอดเขาตอนประมาณ 11.20 น. ใช้เวลาไปประมาณ 120 นาที ใช้เวลามากกว่าที่ไกด์ไลน์บอกไป 30 นาที (หัวเราะ) 

    ถามว่าถ้าไม่เคยปีนเขา ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายจะไหวไหม โดยส่วนตัวของผู้เขียนก็ไม่ใช่คนออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ก็สามารถเดินไปจนถึงยอดเขาได้สำเร็จ (แม้ว่าจะค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมทีมก็ตาม 55) พ้อยต์สำคัญคือการคอยดูลิมิตของตัวเอง หากไม่ไหวก็ควรหยุดพัก ไหวค่อยไปต่อ และต้องคอยจิบน้ำ+เติมเกลือแร่เป็นระยะ ๆ 
  • เมื่อขึ้นมาถึงยอดเขาก็รีบเข้าไปนั่งดับร้อนกับน้ำแข็งไสในร้านที่เปิดแอร์ทันที
  • หลังจากพักร่างแล้วก็ไปเติมพลังบรรเทาความเหนื่อยกันด้วยการกินข้าวกลางวันที่ร้านบนยอดเขา มีเมนูให้เลือกหลากหลายจนชวนให้ลังเล เมนูแนะนำประจำร้านเป็นเมนูเคนจิน (けんちん) ที่มีให้เลือกทั้งเส้นอุด้งและโซบะ หรือจะลองเป็นของเด็ดของดังประจำถิ่นอย่างสึคุบะอุด้ง แต่ที่สำคัญคือต้องไม่ลืมใส่พริกชิจิมิ (shichimi) ลงไปด้วยนะ
  • วิวที่มองจากที่นั่งทานข้าวกลางวันพลางฟังเสียงนกร้องขับขาน 
  • หลังจากเติมพลังกันเสร็จแล้วก็ได้เวลาปีนเขา (ต่ออีกแล้ว) เพื่อขึ้นไปชมวิวบนยอดเขาเนียวไต 

    ระหว่างทางจะมีโขดหินหน้าตาแปลก ๆ ที่เรียกว่า หินกามะ (Gamaishi:ガマ石) ที่ได้ชื่อนี้ก็มาจากรูปร่างของโขดหินที่ดูคล้ายกบกามะกำลังอ้าปากอยู่ ว่ากันว่าหากโยนหินเข้าไปในปากของหินรูปกบนี้ได้ จะทำให้มีโชคลาภ สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา และด้วยเหตุนี้ทำให้ของที่ระลึกที่วางขายบนยอดเขาสึคุบะเป็นรูปกบ
  • ถึงยอดเขาเนียวไตแล้ววววว 

    ตรงจุดชมวิวด้านบนเป็นที่โล่งที่สามารถมองทิวทัศน์รอบเขาได้แทบจะ 360 องศาจากความสูง 877 เมตรเหนือน้ำทะเล (จุดชมวิวของโตเกียวสกายทรีชั้นบนสูง 450 เมตร) 
  • เมื่อพักชมวิวจนจุใจก็ได้เวลากลับลงจากเขา เนื่องจากหมดสภาพแล้วเลยขอนั่งเคเบิลคาร์ลงไปแทนค่ะ 55 ตั๋วมีหลายลายด้วยนะ
จบทริปการเดินทางโดยสวัสดิภาพ 

และหากใครสนใจอยากลองมาเดินเขาสึคุบะดูบ้าง สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับการเดินทางและที่เที่ยวรอบเขาสึคุบะเพิ่มเติมได้ที่นี่ และหากสนใจเขาอื่น ๆ ใกล้โตเกียวก็ต้องที่บทความนี้เลยค่ะ

ติดตามเรื่องราว ข้อมูล และข่าวสารส่งตรงจากญี่ปุ่นกับ Japankuru ได้ทาง Twitter และ Facebook!
Comment
POST
Related Article
ถาม-ตอบ
  • PARTNERS