การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับระบบภาษีนี้อาจสร้างความกังวลให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ ไม่น้อย โดยเฉพาะขาช้อปที่เคยชินกับระบบเดิม แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะวันนี้ JAPANKURU จะมาบอกเล่าทุกสิ่งที่ยักท่องเที่ยวต้องรู้เกี่ยวกับระบบใหม่ พร้อมแนะนำวิธีการเตรียมตัวเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสขอคืนภาษีอย่างมืออาชีพ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปอ่านกันเลย!

ระบบเดิม Tax Free

ในปัจจุบันญี่ปุ่นใช้ระบบ Tax Free หรือระบบปลอดภาษี ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 8-10% ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้าที่ซื้อ โดยหากซื้อสินค้าที่ร่วมรายการเกิน 5,000 เยนในร้านค้าที่เข้าร่วมระบบ นักท่องเที่ยวจะได้รับการหักภาษีออกจากราคาสินค้า ณ จุดขาย หรือสามารถรับเงินคืนทันทีที่เคาน์เตอร์ห้าง

นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดคือ

• กำหนดราคาขั้นต่ำ ต้องซื้อสินค้าเกิน 5,000 เยนขึ้นไปจึงจะสามารถขอคืนภาษีได้ 
• มีกำหนดเพดานการซื้อสินค้าปลอดภาษีไม่เกิน 500,000 เยน (ประมาณ 112,000 บาท) ต่อร้านต่อวัน

ปัญหาที่เกิดขึ้นจากระบบเดิม

ระบบ Tax Free ส่งผลให้เกิดช่องโหว่อยู่ โดยเฉพาะการที่นักท่องเที่ยวบางคนนำสินค้าปลอดภาษีเหล่านั้นออกมาขายต่อให้คนในญี่ปุ่นก่อนเดินทางกลับ คนญี่ปุ่นก็มาซื้อสินค้านี้ในช่องทางลัด กลายเป็นว่ารัฐก็เก็บภาษีได้น้อยลง และนักท่องเที่ยวหลายคนได้กำไรจากการกระทำนี้ 

ระบบใหม่ Tax Refund 

จากปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้น ญี่ปุ่นจึงจะเปลี่ยนมาใช้ระบบ Tax Refund แทน คือนักท่องเที่ยวจะต้องจ่ายเงินของสินค้าเต็มจำนวนแบบที่รวมภาษีด้วย หลังจากนั้นจึงไปทำเรื่องขอคืนภาษีที่สนามบินก่อนกลับแทน ซึ่งจริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่ระบบใหม่อะไรขนาดนั้น เพราะเป็นระบบที่หลาย ๆ ประเทศในยุโรปใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั่นเองค่า

นอกจากนี้ระบบใหม่จะไม่มีกำหนดราคาขั้นต่ำอีกต่อไปและยกเลิกเพดานการซื้อสินค้า ทำให้เราสามารถซื้อได้ไม่จำกัดต่อร้านต่อวันเลย

จุดประสงค์ของการเปลี่ยนระบบ

การเปลี่ยนแปลงระบบครั้งนี้มีจุดประสงค์หลัก ๆ เพื่อ

• ควบคุมการหลีกเลี่ยงภาษี โดยการป้องกันการนำสินค้าปลอดภาษีไปขายต่อในญี่ปุ่น
• กระตุ้นเศรษฐกิจ ในช่วงที่ค่าเงินเยนอ่อนยวบ โดยการยกเลิกเพดานการซื้อสินค้า เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถช้อปปิ้งได้มากขึ้น

ขั้นตอนการขอคืนภาษี

ที่นี้มาดูกันว่าหากเปลี่ยนระบบใหม่จะมีขั้นตอนการขอคืนภาษาอย่างไรบ้าง

①จ่ายราคาเต็มรวมภาษีที่ร้านค้า ทั้งภาษีมาตรฐานญี่ปุ่น 10% และภาษี 8% สำหรับรายการอาหาร

②เก็บใบเสร็จรับเงินไว้ 

③ขอรับเงินคืนที่สนามบิน โชว์ใบเสร็จพร้อมสินค้าจริงไปแสดงที่สนามบิน เพื่อยืนยันว่าสินค้าไม่ได้ถูกใช้ในญี่ปุ่น แล้วจึงได้เงินภาษีคืนตอนนั้น

ข้อดีข้อเสียของระบบใหม่

ข้อดี

• รัฐบาลสามารถควบคุมการหลีกเลี่ยงภาษีได้มากยิ่งขึ้น 
• ลดการทุจริตของนักท่องเที่ยวบางคน  
• ไม่มีเพดานในการซื้อของขั้นต่ำ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถช้อปได้อย่างจุใจ
• สะดวกต่อร้านค้า เพราะไม่ต้องทำเรื่องหักภาษีที่จุดขายแล้ว

ข้อเสีย

• นักท่องเที่ยวต้องจ่ายภาษีก่อน
• ขั้นตอนเพิ่มขึ้น
• ใช้เวลามากขึ้นที่สนามบิน

เนื่องจากนักท่องเที่ยวทุกคนต่างก็จ้องทำเรื่องขอคืนภาษีที่สนามบิน ซึ่งหากญี่ปุ่นไม่เตรียมการรองรับให้เพียงพอต่อจำนวนนักท่องเที่ยว คิวขอคืนภาษีจะยาวมาก ทำให้นักท่องเที่ยวต้องเผื่อเวลาไปสนามบินเพิ่มเข้าไปอีกอย่างแน่นอนเลย😵‍💫

สรุประบบเดิมและระบบใหม่ 

เป็นยังไงกันบ้างคะกับข่าวเปลี่ยนระบบขอคืนภาษีใหม่ของญี่ปุ่น คาดว่าระบบนี้จะเริ่มใช้ช่วงปลายปี 2026 เป็นต้นไป หากเรารู้ก่อนจะได้สามารถเตรียมตัวได้ถูก ระหว่างนี้หากมีข่าวเพิ่มเติมออกมา JAPANKURU จะรีบมาอัปเดตให้ทันทีเลยค่ะ

เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารสด ๆ ร้อน ๆ จากญี่ปุ่น สามารถเราได้ทางเว็บไซต์ JAPANKURU, Facebook, Instagram, X(twitter)