เมืองอิวากิ - เมืองที่มีขนาดใหญ่และมีประชากรมากที่สุดในฟุกุชิมะ
ที่มาของ “โจบัง-โมโน” พรจากท้องทะเล
ออนเซ็น ฮูล่าเกิร์ล รีสอร์ตสไตล์ฮาวายแห่งแรกของญี่ปุ่น
หมู่บ้านที่มีทั้งทะเลและภูเขา
กิจกรรม เวิร์คช็อป

[ปลาโจบัง-โมโน คืออะไรกันนะ?] พาร์ท 2 เมืองอิวากิ เมืองริมฝั่งทะเลทางตอนใต้ของฟุกุชิมะ

Tohoku Tour อิวากิ

2020.10.02

“ฮามะโดริ” เป็น 1 ใน 3 พื้นที่ของจังหวัดฟุกุชิมะ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ โดยเฉพาะที่เมืองอิวากิ

เมืองอิวากิ - เมืองที่มีขนาดใหญ่และมีประชากรมากที่สุดในฟุกุชิมะ

จาก 6 จังหวัดในภูมิภาคโทโฮคุ (อาโอโมริ, อาคิตะ, อิวาเตะ, มิยางิ, ยามากาตะ และฟุคุชิมะ) เมืองอิวากิมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 (338,045 คนต่อตารางกิโลเมตร) และเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดฟุกุชิมะ อิวากิมีระยะเวลาของแสงแดดยาวนานเป็นพิเศษ ทำให้อุณหภูมิของฤดูร้อนและฤดูหนาวไม่ต่างกันมากนัก โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน จะมีนักท่องเที่ยวหนีร้อนจากโตเกียว มาท่องเที่ยวที่อิวากิไม่ว่าจะเป็นบริเวณ Nakoso (勿来), Yotsukura (四倉), Usuiso (薄磯) และบริเวณชายหาดอีกหลายแห่ง นอกเหนือจากที่อิวากิเป็นเมืองหลักของจังหวัดฟุกุชิมะ ที่คนนิยมมาเที่ยวทะเลและคลายร้อนแล้ว ยังมีกิจกรรมสนุกๆให้ทำอีกมากมาย

ตลาดปลาอิวากิ ลาลามิว (Iwaki Lalamew)

ที่มาของ “โจบัง-โมโน” พรจากท้องทะเล

เมืองอิวากิอยู่ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นจุดรวมของกระแสน้ำอุ่นคุโรชิโอะ (Kuroshio) และกระแสน้ำเย็นโอยาชิโอะ (Oyashio) ทำให้ปลาหลากหลายสายพันธุ์จากกระแสน้ำอุ่นคุโรชิโอะ และแพลงตอนจากกระแสน้ำเย็นโอยาชิโอะมารวมตัวกัน จุดรวมของกระแสน้ำแห่งนี้ก่อให้เกิดแพลงก์ตอนจำนวนมาก เป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ของปลาหลากหลายชนิดเช่น คัตสึโอ ซันมะ ปลาgoosefish และอูนิ ซึ่งอาหารทะเลที่มาจากแหล่งที่อุดมสมบูรณ์นี้เรียกว่า “โจบัง-โมโน”

จากปลาหลายชนิดด้านบน ปลาทูน่าพันธุ์ท้องแถบ (ภาษาอังกฤษ: bonito, ภาษาญี่ปุ่น: カツオ คัตสึโอะ) เป็นปลาที่เป็นที่รักของคนในเมืองอิวากิ และเป็นอาหารของผู้คนในท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน นิยมนำมารับประทานเป็นซาชิมิในช่วงการเฉลิมฉลอง นำไปย่างไฟเฉพาะด้านนอก ที่เรียกว่า “คัตสึโอทาทากิ” หรือจะนำไปทำเป็นกับข้าวอย่าง “ยากิบิตาชิ” (yakibitashi, 焼びたし) ผัดใส่ขิงและโชยุ

นักท่องเที่ยวสามารถไปลิ้มลองรสชาติอาหารทะเลสดๆได้ที่เมืองอิวากิ ที่ตลาดปลาอิวากิ ลาลามิว และร้านอาหารทั่วไปในเมืองอิวากิ

ปลาคัตสึโอะ จากโอนะฮามะ
ปลาคัตสึโอะจำนวนมาที่จับมาได้

Spa Resort Hawaiians

ออนเซ็น ฮูล่าเกิร์ล รีสอร์ตสไตล์ฮาวายแห่งแรกของญี่ปุ่น

ออนเซ็นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเขตฮามะโดริ ชายฝั่งของฟุกุชิมะ “อิวากิ ยูโมโตะ ออนเซ็น” 「いわき湯本温泉」มีอายุกว่า 1,600 ปี เป็นที่รู้จักในนาม 1 ใน 3 ออนเซ็นที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น(โดโกะออนเซ็น ในจังหวัดเอฮิเมะ และ อาริมะออนเซ็น ในจังหวัดเฮียวโงะ) ในทุก ๆ 1 นาที ออนเซ็นจะผลิตน้ำร้อนออกมามากถึง 5 ตัน และว่ากันว่าน้ำร้อนจากออนเซ็นช่วยรักษาอาการเจ็บป่วย และทำให้ห้ผิวพรรณมีสุขภาพดี หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า บิจินโนะยู (bijin no yu, 美人の湯)

ในปี 1966 ได้มีการสร้างสปา รีสอร์ต และสวนสนุก ชื่อ “Spa Resort Hawaiians” ขึ้นที่ อิวากิ ยูโมโตะ ออนเซ็น นอกจากจะได้ใช้บริการออนเซ็นแล้ว ยังมีสระว่ายน้ำ และเครื่องเล่นอื่นๆที่อยู่ภายในรีสอร์ต มีการตั้งอุณหภูมิภายในไว้ที่ 28 องศาเซลเซียส จึงสามารถสนุกได้ทั้งปี นอกจากจะเป็นออนเซ็นกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า Edo-Jowa Yoichi แล้ว ยังมีการแสดง Hula Dance และการแสดง fire knife ให้ชมกันอีกด้วย โดยเฉพาะ Hula Dance ที่มีชื่อเสียงมาจาก ภาพยนตร์ Hula Girls ปี 2006 ที่สร้างมาจากเรื่องจริง เกี่ยวกับนักเต้นฮูล่าในเมืองเล็กๆของญี่ปุ่น

อิวากิ เมืองถ่านหินและพิพิธภัณฑ์ฟอสซิล Horuru

เมืองแห่งการทำเหมือง และฟอสซิล

หากค้นประวัติศาสตร์ของเมืองอิวากิดูแล้ว หัวข้อหนึ่งที่จะต้องเจอเลยก็คือ เหมืองถ่านหิน ในปี 1856 มีการค้นพบถ่านหินที่บริเวณมิโรคุซาวะ (Mirokusawa, 弥勒沢) ในอิวากิ และถูกเรียกว่าเป็น บริเวณพื้นที่ที่มีถ่านหินโจบัง หรือโจบังทันเด็น (Joban Tanden, 常磐炭田) จนกระทั่งหลายปีต่อมาโจบังทันเด็น มีส่วนในการพัฒนาเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ก่อนที่จะต้องปิดตัวลง และกลายเป็น Spa Resort Hawaiians ที่ช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปัจจุบัน ณ ตอนที่มีการขุดเจาะภูเขาในการทำเหมืองนั้น นอกจากจะขุดเจอถ่านหินแล้ว ยังพบซากฟอสซิลของไดโนเสาร์อีกด้วย สำหรับในปัจจุบันก็ยังมีสถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของเหมืองถ่านหินและฟอสซิล เช่น ศาลเจ้าอุจิโกยามะและเวทีซูโม่ (Uchigoyama Shrine and Sumo Ring (内郷山神社跡・相撲場跡)), พิพิธภัณฑ์เหมืองถ่านหินมิโรคุซาว่า (Mirokusawa Coal Mine Museum, みろく沢炭鉱資料館) และพิพิธภัณฑ์ถ่านหินและฟอสซิลเมืองอิวากิ (Iwaki City Coal & Fossil Museum Horuru, いわき市石炭・化石館ほるる)

เกาะฮัตตาจิ ไคกัง โนะ เบนเทน และ สะพานชูนูริ (สะพานแดง)

หมู่บ้านที่มีทั้งทะเลและภูเขา

จากเมืองอิวากิสามารถมองเห็นวิวมหาสมุทรแปซิฟิกในมุมกว้าง รวมถึงเป็นจุดที่สามารถชมดอกซากุระได้ด้วยเช่นกัน เมื่อพูดถึงจุดที่มีชื่อเสียงของที่นี่ก็คือ ประภาคารชิโอยาซากิ (Shioyazaki Lighthouse, 塩屋崎灯台) ที่ถูกเลือกให้เป็น 1 ใน 50 ประภาคารที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น ส่วนเกาะเบนเทนและสะพานชูนูริ ที่อยู่ในทะเลนั้น เป็นสัญลักษณ์ของชายฝั่งฮัตตาจิ (Hattachi Coast) และมีจุดชมวิวชิโอมิได (Shiomidai observation deck, 潮見台) ที่สามารถมองเห็นทะเลได้ นอกจากนี้บนฝั่งนั้นจะมีทั้ง หุบเขานัตสึอิกาวะ (Natsuigawa Ravine, 夏井川渓谷) เซโดกาโระ (Sedogaro, 背戸峨廊) ที่พร้อมด้วยทัศนียภาพของน้ำตก ที่มีความสวยงามตระการตา และหุบเขาริวจิน (Ryujin Gorge, 龍神峡) จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียง

อย่างที่เราบอกไปว่าที่อิวากินั้นก็มีจุดชมซากุระที่สวยงามเช่นกัน ซึ่งนั่นก็คือ ศาลเจ้าโอกาวาสุวะ (Ogawasuwa Shrine, 小川諏訪神社) ที่มีต้นซากุระสายพันธุ์ย้อย หรือชิดาเระ (Shidare, シダレサクラ) ที่สวยงาม, สวนสาธารณะ Matsugaoka Park (松ヶ岡公園) กับซากุระสายพันธุ์โซเมโยชิโนะ (ソメイヨシノ) กระจายอยู่เต็มสวน, สวนสาธารณะ Nakoso Park (勿来関公園) ที่มีซากุระประมาณ 600 ต้น และ Shinden Oyamazakura (新田大山桜) ต้นซากุระชื่อดังที่ค่อยๆบานเป็นสีชมพูอยู่บนภูเขาทุกๆปี

โรงงานทำลูกชิ้นปลาคามาโบโกะ อิวากิ

กิจกรรม เวิร์คช็อป

ที่อิวากิมีทั้งกิจกรรมเก็บสตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ องุ่น หรือแม้แต่มะเขือเทศ หรือจะไปขุกซากฟอสซิลที่ Iwaki Ammonite Center หรือพิพิธภัณฑ์ Iwaki City Coal & Fossil Museum Horuru สำหรับคนที่ชื่นชอบกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หน่อย ก็มีกิจกรรมเวิร์คช็อปทำเครื่องปั้นดินเผา การทำลูกชิ้นปลาคามาโบโกะ จากปลาในท้องถิ่น หรือคลาสสอนเต้นฮูล่า ที่สอนโดยนักเต้นฮูล่าตัวจริง ที่อิวากิยังมีกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวให้เราได้สนุก ผ่อนคลาย พร้อมยืดเส้นยืดสายกันอีกมากมาย

ติดตามเรื่องราวตอนต่อๆไปของจังหวัดฟุกุชิมะกับ Japankuru ได้ทาง facebook และ twitter